โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย

การขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) เป็นรากฐานหนึ่งของปัญหาคอร์รัปชันในระบบราชการไทย งานวิจัยนี้สำรวจระดับการรับรู้และความเข้าใจของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเสนอแนวทางพัฒนาองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง ลดความเสี่ยงการทุจริตและยกระดับธรรมาภิบาลภาครัฐอย่างยั่งยืน

ประเด็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน โดยหลายกรณีเกิดขึ้นโดยรู้เท่าไมถึงการณ์ ไม่มีความรู้ความเข้าใจ และเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ยังมีวัฒนธรรมการให้ของขวัญ สินน้ำใจ ค่านิยมเจ้าขุนมูลนาย ระบบเครือญาติ และพรรคพวกในระบบราชการ

 

งานวิจัยเรื่องนี้ จึงมุ่งตรวจสอบว่าผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนทองถิ่น (อปท.) และเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารราชการส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยเฉพาะในระดับองค์การบริหารราชการส่วนจังหวัด (อบจ.) มีการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิด หลักการ และมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) อย่างไร เพื่อจัดทําข้อเสนอแนะต่อการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่นําไปสู่การกำหนดแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง สำหรับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนทองถิ่น และเจ้าหน้าที่รัฐ

 

โดยใช้การสํารวจความคิดเห็นเชิงปริมาณ (Quantitative Survey) จากกลุมตัวอย่างเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)  76 จังหวัด และที่มาจากฝ่ายการเมือง (นายก และรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาจังหวัด) และจากฝ่ายข้าราชการ รวมุถึงบุคลากรประจํา (ข้าราชการ/พนักงานส่วนทองถิ่น ลูกจ้างประจําและพนักงานจ้าง) จํานวน 912 คน 

สรุปประเด็นสำคัญจากงานวิจัย

  • ผลจากการศึกษา พบว่า ในภาพรวม เจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีระดับการรับรู้เกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 52.89) หากพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้เกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์ กับ ตัวแปรอิสระ พบว่าระดับการศึกษา ตําแหน่งหน้าที่ในปัจจุบัน ระยะเวลาในการทํางานที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด และขนาดขององค์การบริหารส่วนจังหวัด มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับการรับรู้เกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) 

 

  • ผลจากการศึกษา พบว่า ในภาพรวม เจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีระดับความเข้าใจเกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์ระดับปานกลาง (ร้อยละ 46.09) หากพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ กับ ตัวแปรอิสระ พบว่า ระดับการศึกษา ตําแหน่งหน้าที่ในปจจุบัน ระยะเวลาในการทํางานที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด และขนาดองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีความสัมพันธ์อยางมีนัยสําคัญทางสถิติกับความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) 

 

  • ข้อเสนอแนะต่อแนวทางปรับปรุง และพัฒนาการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย เช่น ควรให้ความสําคัญ และเร่งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูล ตลอดจนการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจ โดยเฉพาะในกลุ่มองค์การบริหารส่วนจังหวัดขนาดใหญ่เป็นอันดับแรก เพราะได้รับรายได้จํานวนมาก แต่มีระดับการรับรู้และความเข้าใจต่อประเด็นดังกล่าวน้อย อันเป็นสัญญาณสะท้อนถึงความสุ่มเสี่ยงของแนวโน้มที่อาจนําไปสู่สถานการณ์การขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ตามมา
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

โกวิทย์ กังสนันท์, ณัฐวุฒิ สมบูรณ์ยิ่ง, ธีรวรรณ เอกรุณ และภัทรวุฒิ เฉยศิริ. (2561). โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2561
ผู้แต่ง
  • โกวิทย์ กังสนันท์
  • ณัฐวุฒิ สมบูรณ์ยิ่ง
  • ธีรวรรณ เอกรุณ
  • ภัทรวุฒิ เฉยศิริ
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย

ศึกษาและสํารวจข้อมูลระดับการรับรู้ของเจ้าหนาที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีต่อความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ เพื่อลดพฤติกรรมความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ในอนาคต

โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยใช้อำนาจรัฐ

ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ

โครงการศึกษาความเหมาะสมและความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าเป็นภาคีในอนุสัญญาขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

ศึกษาความพร้อมของไทยในการเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาองค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ ค.ศ.1997 ว่าด้วยการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศในการทำธุรกรรมทางธุรกิจระหว่างประเทศ

You might also like...

KRAC Extract | ทรัพย์สินที่ไม่ควรอยู่ในเงามืด: เมื่อความโปร่งใสคือพันธกิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

หลายประเทศพัฒนาระบบเปิดเผยรายได้ ผลประโยชน์ และทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้ตรวจสอบได้ โปร่งใส และลดผลประโยชน์ทับซ้อน KRAC Extract สรุปงานวิจัย “Improving and Enforcing Income, Interest and Asset Declaration Systems” (2024) ที่ชี้แนวทางสร้างวัฒนธรรมความรับผิดชอบในภาครัฐอย่างยั่งยืน

KRAC Hot News I เปิดข้อมูลคาร์บอน หัวใจสำคัญแก้ปัญหามลพิษไทย

ข่าวดี! สภาฯ ผ่านร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด วาระ 3 แล้ว กฎหมายสำคัญที่ใช้หลักการ “ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย” เพื่อแก้ PM 2.5 อย่างยั่งยืน หัวใจสำคัญคือการเปิดเผย “ข้อมูลคาร์บอน” ที่โปร่งใส มาตรฐานเดียว และเข้าถึงได้ เพื่อให้รัฐ เอกชน และประชาชนร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

KRAC Insights I การวัดระดับการคอร์รัปชันและอาชญากรรมสำคัญอย่างไร และมีไว้เพื่ออะไร

KRAC ชวนสำรวจวิธีการที่องค์การระหว่างประเทศอย่าง GI-TOC ใช้ในการวัดระดับการคอร์รัปชันในประเทศต่าง ๆ ผ่านการบรรยายพิเศษ โดยคุณ Kristina Amerhauser นักวิจัยอาวุโสจาก GI-TOC ในรายวิชา 2952336 Economics of Anti-corruption คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ