บทบาทของสภามหาวิทยาลัยในการกำกับธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา: กรณีศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในประเทศไทย

ศึกษาแนวทางการกำกับธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาจากต่างประเทศ เเละนำมาเปรียบเทียบกับบทบาทของสภามหาวิทยาลัยในการกำกับธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษารัฐของไทย

งานวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางในการกำกับธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาจากต่างประเทศ เเละนำมาศึกษาเปรียบเทียบกับบทบาทของสภามหาวิทยาลัยในการกำกับธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เพื่อเสนอแนะแนวทางในการเสริมความเข้มแข็งในการทำหน้าที่ตามบทบาทของสภามหาวิทยาลัย ในการกำกับธรรมาภิบาลของสถาบันอุดมศึกษา

โดยคณะผู้วิจัย ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ 2 ประเภท ได้แก่ มหาวิทยาลัยในสังกัดของรัฐ และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในประเทศไทย รวมถึงแนวทางปฏิบัติในต่างประเทศ โดยใช้กรอบแนวคิดหลักธรรมาภิบาลในการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา ที่มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร เพิ่มผลลัพธ์ของการจัดการศึกษาที่ดี และ การดำเนินงานที่มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกกระบวนการ เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาสามารถตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปประเด็นจากงานวิจัย

  • จากการศึกษากรณีตัวอย่างในต่างประเทศ พบว่าบทบาทของสภามหาวิทยาลัย ได้มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของมหาวิทยาลัย ในการดำเนินบทบาทตามอำนาจ และหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ดังนั้น สภามหาวิทยาลัย จึงควรกำหนดทิศทาง นโยบาย และการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยผ่านกลไกการประเมินผลและอื่น ๆ เพื่อให้มหาวิทยาลัยสามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้
  • จากการศึกษากรณีตัวอย่างทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่าด้านโครงสร้าง และองค์ประกอบของสภาเกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งของผลประโยชน์ (Conflict of interests) ไม่ได้ให้น้ำหนักกับกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีความขัดแย้งทางผลประโยขน์โดยตรงจากการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย เช่น กลุ่มนักศึกษา กลุ่มบุคลากรสายสนับสนุน แต่เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผ่านการให้เข้าร่วมประชุมในฐานะผู้สังเกตการณ์ (Observers) ซึ่งเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล 
  • จากการศึกษากรณีตัวอย่างทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่าด้านการได้มาของสภามหาวิทยาลัย (กระบวนการสรรหาฯ) ต้องเน้นการปฏิบัติตามกฎหมาย สร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้  รวมถึงสร้างกลไกให้เกิดการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม นอกจากนี้ หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่กำกับดูแลมหาวิทยาลัย อาจพิจารณากำหนดรูปแบบของกระบวนการสรรหาที่มีรูปแบบเป็นมาตรฐานกำหนดไว้อย่างชัดเจน และต้องคำนึงถึงการลดความขัดแย้งของผลประโยชน์ (Conflict of interests) ในกระบวนการสรรหา โดยประเด็นความขัดแย้งของผลประโยชน์ที่ควรคำนึงถึง ได้เเก่ การให้น้ำหนัก กับ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก ในสัดส่วนที่มากกว่ากรรมการจากภายใน และการกำหนดวาระในการดำรงตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัย เป็นต้น
  • จากการศึกษากรณีตัวอย่างทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พบว่าด้านบทบาทของสภามหาวิทยาลัยในการตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ต้องเริ่มจากการกำหนดทิศทางการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย ผ่านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ รวมถึงแผนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกลไกในการกำกับและตรวจสอบการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยที่สำคัญ เช่น กรรมการตรวจสอบ กรรมการกฎหมาย กรรมการบริหารการเงินและทรัพย์สิน กรรมการด้านวิชาการ และกรรมการพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการ อีกทั้ง กลไกในการกำกับและประเมินการดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัย ต้องให้มีหน่วยงานภายนอกเข้ามาช่วยในการประเมินผลการดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัยด้วย เพื่อไม่ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติ โดยพิจารณาผูกโยงผลการปฏิบัติงานของมหาวิทยาลัยกับการประเมินคุณภาพจากภายนอก (External Quality Assurance) และการจัดสรรงบประมาณ (Budget allocation) เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

ณดา จันทร์สม, ทองใหญ่ อัยยะวรากูล, ทัศนีย์ สติมานนท์ และศรัณย์ ศานติศาสตร์. (2563). บทบาทของสภามหาวิทยาลัยในการกำกับธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษา: กรณีศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ และมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในประเทศไทย. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2563
ผู้แต่ง
  • ณดา จันทร์สม
  • ทองใหญ่ อัยยะวรากูล
  • ทัศนีย์ สติมานนท์
  • ศรัณย์ ศานติศาสตร์
หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570

ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต

โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป

โครงการวิจัยการศึกษาแนวทางความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

นำเสนอแนวคิดและกิจกรรมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ป.ป.ช. ในการแก้ไขปัญหาการทุจริต และเสนอแนวทางการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันผ่านกระบวนการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โครงการประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลของนโยบายสาธารณะไทย การวิจัยเพื่อเสริมสร้างนักนโยบายสาธารณะที่ดี

เพื่อทำการวิเคราะห์ผลทางนโยบายสาธารณะในด้านต่าง ๆ จากมุมมองของประชาชน โดยใช้หลักธรรมาภิบาลด้านประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วม และการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน

You might also like...

KRAC Extract | LGBTQI+ กับคอร์รัปชัน: เมื่อศักดิ์ศรีถูกลดค่าในสังคมที่ไม่เท่าเทียม

ชวนเจาะลึกรายงาน “The Impacts of Corruption on LGBTQI+ Rights” ที่เผยให้เห็นว่า การคอร์รัปชันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่มันกระทบต่อชีวิต ศักดิ์ศรี และสิทธิของผู้คน มาร่วมเรียนรู้ว่า เราจะสร้างนโยบายต้านคอร์รัปชันที่เห็นหัวใจของความเป็นมนุษย์ได้อย่าง

KRAC Update เล่าข่าวต้านคอร์รัปชัน I หน่วยงานต้านโกงฮังการีตั้งเป้าหมาย เริ่มพัฒนา AI ต่อสู้คอร์รัปชันในอนาคต

ฮังการีรายงานผลการทำงานปีที่ผ่านมาพร้อมประกาศเริ่มพัฒนา AI แก้ปัญหาคอร์รัปชัน เพื่อเปิดทางตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างแบบเรียลไทม์

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เมื่อ ‘งบก่อสร้าง’ ไม่ได้สร้างแค่ถนน แต่สร้างรายได้พิเศษให้บางคนด้วย

จากที่ผมได้รับเกียรติให้เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ในนามนักวิชาการอิสระที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองใด ผมถือว่าหน้าที่นี้คือโอกาสสำคัญที่จะได้ตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และทรัพยากรของประเทศมีอยู่อย่างจำกัด