KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | CPI ไม่ใช่ทุกคำตอบของปัญหาคอร์รัปชัน

CPI ไม่ใช่ทุกคำตอบของปัญหาคอร์รัปชัน 

 

เป็นที่รู้กันว่าคะแนน CPI หรือ ดัชนีการรับรู้การทุจริตเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่ถูกหยิบมาใช้หลายครั้งเมื่อพูดถึงสถานการณ์คอร์รัปชันแต่ละประเทศ จนดูเหมือนเป็นตัวชี้วัดสารพัดประโยชน์ที่สามารถวัดการทุจริตได้ทุกรูปแบบ แต่ความจริงแล้วคะแนน CPI อาจไม่ได้ตอบโจทย์รอบด้านอย่างที่หลายคนคิด  

เพราะการจัดทำคะแนน CPI ส่วนใหญ่มาจากทัศนคติของนักลงทุนระหว่างประเทศ นักวิชาการที่เคยอยู่ออกซ์ฟอร์ด นักข่าวสายการเงิน ทำให้คะแนนที่ออกมาอาจเป็นการสะท้อนภาพการคอร์รัปชันในภาคธุรกิจที่เหมาะสำหรับการลงทุนมากกว่าสภาพความเป็นจริงทั้งหมดในประเทศอย่างครอบคลุม  

จึงเป็นเหตุผลว่า หากเราต้องการเห็นภาพรวมการทุจริตในประเทศไทยจริง ๆ การพูดคุยหรือเก็บข้อมูลจากประชาชน อาจจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องมากกว่า ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการที่งานวิจัย เรื่อง “คอร์รัปชันในระบบราชการไทย การสำรวจทัศนคติ ประสบการณ์ของหัวหน้าครัวเรือน ได้ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลเพื่อให้เห็นภาพการคอร์รัปชันในประเทศไทย มุมมองและประสบการณ์ของประชาชนมากขึ้น  

โดยงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการร่วมมือระหว่าง . ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร ดร.ยงยุทธ ไชยพงศ์ และ ผศ. ดร.ธานี ชัยวัฒน์ ที่ได้สำรวจเกี่ยวกับมุมมองและประสบการณ์ของหัวหน้าครัวเรือน จำนวน 6,048 คน ที่มีต่อหน่วยงานราชการในประเทศไทยในปี 2557 และนำข้อมูลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับผลสำรวจที่เคยทำไว้ในปี 2542 เพื่อทำให้เห็นภาพสถานการณ์คอร์รัปชันในประเทศไทยภายในมากกว่าการอ้างอิงจากคะแนน CPI ซึ่ง @KRAC Corruption ก็ได้ Crack!! 3 ข้อมูลน่าสนใจที่คนส่วนใหญ่อาจคาดไม่ถึงมาให้อ่านกัน  

หนึ่ง “สำนักงานที่ดิน” เรียกสินบนบ่อยที่สุด : ถ้าถามว่าข้าราชการกลุ่มไหนเรียกสินบนบ่อยที่สุด คนไทยหลายคนคงตอบอย่างรวดเร็วว่าเป็นตำรวจ เพราะเป็นหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับประชาชนมาก ทั้งรับเรื่องร้องเรียนรายวันและการดูแลประชาชนบนท้องถนน แต่ความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่คิด

เพราะข้อมูลที่ได้จากการสำรวจในงานวิจัยทั้งปี 2557 และข้อมูลในปี 2542 พบว่า หัวหน้าครัวเรือนถูกเรียกสินบนจาก สำนักงานที่ดิน บ่อยที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังสำนักงานที่ดินยังเป็นหน่วยงานเดียวที่เรียกสินบนเกิน 1 แสนบาท ในปี 2557  

ในส่วนของมูลค่าความเสียหาย ปี 2557 กรมที่ดินเป็นหน่วยงานที่มีมูลค่าสินบนมากที่สุด เป็นจำนวน 1,922 ล้านบาท และถ้าย้อนกลับไปปี 2542 งานวิจัยนี้ก็ยังพบว่ากรมที่ดินเป็นหน่วยงานที่มีมูลค่าสินบนมากที่สุด เป็นจำนวน  5,100 ล้านบาท 

ถึงแม้ข้อมูลจะทำให้รู้สึกเหมือนกรมที่ดินและสำนักงานที่ดิน มีการทุจริตในหน่วยงานค่อนข้างมาก แต่เมื่อลองเปรียบเทียบข้อมูลจะพบว่า ปี 2542 กับ 2557 มูลค่ารวมของสินบนลดลงมากกว่าสามเท่า และนอกจากนี้ยังพบว่าโอกาสที่หัวหน้าครัวเรือนจะถูกเรียกสินบนจากสำนักงานที่ดินก็ลดลงจาก 12 % เหลือแค่ 7 % ซึ่งทำให้เห็นสถานการณ์การทุจริตที่ดีขึ้น 

สอง แป๊ะเจี๊ยะ “หลักพันล้าน”:คุณจะให้เงินช่วยเหลือโรงเรียนเราเท่าไรดี ?” อาจจะเป็นคำถามแรกเมื่อเราต้องเข้าโรงเรียนดัง เป็นวัฒนธรรมการจ่ายเงินที่เรียกว่าแป๊ะเจี๊ยะซึ่งหลายคนน่าจะเคยเจอ โดยงานวิจัยชิ้นนี้พบว่า ปี 2542 ครัวเรือนที่มีลูกหลานต้องเข้าเรียน 2.8 % จะถูกเรียกเงินแป๊ะเจี๊ยะ โดยจะอยู่ที่ 100-60,000 บาท และในปี 2557 พบว่า ครัวเรือนที่มีลูกหลาน 1.65 % จะถูกเรียกเงินแป๊ะเจี๊ยะ ซึ่งพบว่ามีการเรียกเก็บเงินที่น้อยลง

ที่น่าสนใจคือ สิ่งที่เรียกว่าเงินพิเศษที่ผู้ปกครองต้องจ่ายให้กับโรงเรียนหลังเข้าเรียนซึ่งในปี 2542 รวม ๆ แล้วทั้งหมดอยู่ที่ 3,100 ล้านบาท และในปี 2557 รวม ๆ แล้วทั้งหมดอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท ซึ่ง 75 % เป็นการจ่ายในกรุงเทพฯ   

ข้อมูลจากการสำรวจทำให้เราเห็นว่า ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนประเทศไทยก็ยังมีการจ่ายเงินทุจริตในระบบการศึกษามากเป็นหลักพันล้านต่อปี และแสดงให้เราเห็นถึงความรุนแรงของการโกงในระบบการศึกษา อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบระหว่างปี 2542 และ 2557 จะเห็นว่าครัวเรือนที่ถูกเรียกแป๊ะเจี๊ยะมีน้อยลง รวมถึงมูลค่ารวมของเงินพิเศษเองก็มีการลดลงด้วย  

สาม กระบวนการ “ยุติธรรม” ที่คนเกือบ 50 % ไม่ได้รับ “ความเป็นธรรม” จากการถูกเรียกรับสินบน : ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระบวนการยุติธรรมไทยได้ถูกพูดในแง่ลบมานาน ซึ่งงานวิจัยนี้ก็ได้ทำให้ภาพของการทุจริตในกระบวนการชัดเจนขึ้น เมื่อพบคนเกือบครึ่งหนึ่งถูกเรียกสินบนในกระบวนการยุติธรรม

ดยงานวิจัยได้สำรวจหัวหน้าครัวเรือน 1,246 คน ในปี 2557 ก็พบว่า กว่าครึ่งหนึ่งยอมรับว่าเคยโดนเรียกสินบนในกระบวนการยุติธรรม โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทนาย และเมื่อเทียบกับข้อมูลในปี 2542 จากการสำรวจหัวหน้าครัวเรือน 1,188 คน ก็พบว่า 1 ใน 3 เคยถูกเรียกรับสินบนในกระบวนการยุติธรรมซึ่งจะเป็นการจ่ายให้ผู้พิพากษา เลขานุการ อัยการ เสมียน 

นอกจากนี้งานวิจัยยังสอบถามเพิ่มเติมถึงมุมมองความศรัทธาของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรม โดยเปรียบเทียบปี 2542 กับปี 2557 พบว่าประชาชนมีศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมลดลง เชื่อว่าความยุติธรรมมีไว้สำหรับคนมีอำนาจและคนรวย 

ข้อมูลที่เราหยิบยกขึ้นมาทำให้เห็นภาพของการคอร์รัปชันในสังคมไทยที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นทั้งในปี 2557 และ 2542 มากกว่าการดูเพียงภาพรวมของดัชนีการรับรู้ทุจริต ซึ่งสิ่งที่เราตั้งใจจะนำเสนอ คือข้อค้นพบที่น่าสนใจจากงานวิจัย แม้บางมุมอาจทำให้รู้สึกว่าคอร์รัปชันดูรุนแรง แต่อีกมุมหนึ่งก็ทำให้เห็นว่าในช่วง 15 ปีนั้น ปัญหาคอร์รัปชันลดลงไปมากแค่ไหนด้วย ซึ่งก็มาจากการทำงานของเจ้าที่รัฐที่พยายามแก้ปัญหา เช่น การลดขั้นตอนการให้บริการ การทำประเมินการให้บริการ การเปิดช่องทางให้ร้องเรียน ฯลฯ ตามที่งานวิจัยได้เล่าไว้ ซึ่งเราอาจไม่เห็นภาพคอร์รัปชันชัดเจนเท่านี้ถ้าไม่มีข้อมูลการสำรวจจากงานวิจัย ความสำคัญของการสำรวจจึงเป็นข้อเสนอแนะของงานวิจัยที่มองว่าการทำข้อมูลลักษณะนี้ ควรมีการทำขึ้นในทุก ๆ 5 หรือ 10 ปี เพื่อให้กลายเป็นระบบข้อมูลที่จะนำไปตรวจสอบและแก้ปัญหาการคอร์รัปชันที่มีประสิทธิภาพในอนาคต 

หากท่านใดสนใจข้อมูลงานวิจัยสามารถอ่านเพิ่มเติมจากงานวิจัย เรื่อง “คอร์รัปชันในระบบราชการไทย การสำรวจทัศนคติ ประสบการณ์ของหัวหน้าครัวเรือน” (2557) โดย ผาสุก พงษ์ไพจิตร ยงยุทธ ไชยพงศ์ และธานี ชัยวัฒน์ 

#ราชการ #ตำรวจ #โรงเรียน #ทุจริต #โกง #KRAC 

——————

คอลัมน์ “KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย” เป็นบทความเล่างานวิจัยไทยด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่หยิบยกหนึ่งในประเด็นของงานวิจัยในมุมมองของผู้ปฏิบัติการ เพื่อปูพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน และการต่อต้านคอร์รัปชันในมิติต่าง ๆ ภายใต้บริบทของประเทศไทย

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2567
ผู้แต่ง
  • ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | แก้คอร์รัปชันต้องเริ่มที่ปัจจัยไหน โครงสร้างหรือค่านิยมที่ผิด ?

ปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทยยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่หาย แม้จะมีการก่อตั้งหน่วยงานและมีนโยบายออกมาป้องกันและปราบปรามมากมายแต่ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก แล้วต้นเหตุของมันคืออะไร ? ชวนมาดูการวิเคราะห์ปัจจัยการคอร์รัปชันเชิงโครงสร้างภาครัฐ

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด ต้นเหตุการเสียงบประมาณรัฐหลักพันล้าน

“รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด” เป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างรุนแรง ซึ่งการปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดส่วนหนึ่งเกิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนและปล่อยปละละเลยรถบรรทุกเหล่านี้

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ปิดช่องโหว่ดุลพินิจ ปิดช่องทางทุจริตในไทย

“ดุลพินิจ” อำนาจรัฐ หรือช่องว่างที่ทำให้เกิดการทุจริต ? KRAC ชวนถอดบทเรียนการแก้ปัญหาโกงจากการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐจากกงานวิจัยเรื่อง การแสวงหาผลประโยชน์ จากการอนุญาตโดยใช้อำนาจรัฐ (2560)

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | แก้คอร์รัปชันต้องเริ่มที่ปัจจัยไหน โครงสร้างหรือค่านิยมที่ผิด ?

ปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทยยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่หาย แม้จะมีการก่อตั้งหน่วยงานและมีนโยบายออกมาป้องกันและปราบปรามมากมายแต่ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก แล้วต้นเหตุของมันคืออะไร ? ชวนมาดูการวิเคราะห์ปัจจัยการคอร์รัปชันเชิงโครงสร้างภาครัฐ

แนวทางการป้องกันและลดความสูญเสียงบประมาณจากการทุจริต

การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันอย่างยั่งยืนต้องให้ความสำคัญกับเจตจํานงของผู้บริหารระดับสูง ซึ่งทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และค่านิยมของประชาชนที่ไม่เพิกเฉยต่อการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ

KRAC Update เล่าข่าวต้านคอร์รัปชัน I เคนยาไม่มองข้ามเยาวชน หน่วยงานรัฐร่วมเซ็น MOU ผลักดันเยาวชนแก้ปัญหาทุจริต

คณะกรรมการจริยธรรมและต่อต้านการทุจริตประเทศเคนยา (Ethics and Anti‑Corruption Commission: EACC) จับมือกับเยาวชนเพื่อหนุนเสริมความคิดสร้างสรรค์ที่จะคิดค้นแนวทางแก้ปัญหาใหม่ ๆ เพื่อต่อสู้กับคอร์รัปชัน