เมื่อพูดถึงคำว่า “การพัฒนา” ภาพที่หลายคนมักนึกถึงอาจเป็นถนนที่สร้างใหม่ โรงพยาบาลที่ทันสมัย หรือชุมชนที่มีระบบบริการดีขึ้น
แต่หากมองลึกลงไปกว่านั้น การพัฒนาไม่ได้เกิดจากงบประมาณหรือโครงสร้างพื้นฐานเพียงอย่างเดียว หากแต่ขึ้นอยู่กับ “สภาพแวดล้อม” ที่การพัฒนานั้นเกิดขึ้นต่างหาก หากสภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใส และการละเมิดสิทธิมนุษยชน การพัฒนาทั้งหมดที่เราทุ่มเททำย่อมบิดเบี้ยวและอาจพังทลายลงได้ทุกเมื่อ
KRAC Extract ประจำเดือนนี้ชวนสำรวจประเด็นการต่อต้านคอร์รัปชันและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนผ่านรายงานเรื่อง “Anti-corruption and human rights: Integration in development programmes” โดย Kaunain Rahman (2022) ที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสองประเด็นที่ดูเหมือนแยกกันคนละเรื่อง แท้จริงแล้วเป็นเสมือนเส้นด้ายสองเส้นที่ถักทออนาคตของการพัฒนาเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก และหากเส้นใดเส้นหนึ่งขาดลง ความพยายามทั้งระบบก็ย่อมไร้เสถียรภาพตามไปด้วย!
สิทธิมนุษยชนคือรากฐานที่ช่วยให้สังคมยืนหยัดได้เมื่อเผชิญกับการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม
คอร์รัปชันไม่ใช่เพียงปัญหาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ที่รั่วไหลออกจากงบประมาณของรัฐเท่านั้น แต่คือสิ่งที่บ่อนทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้อย่างแยบยลและแนบเนียน คอร์รัปชันทำให้ผู้มีอำนาจบางกลุ่มสามารถซื้อสิ่งที่ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนได้ ทำให้คนที่ควรมีโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐต้องถูกกีดกันเพราะความไม่โปร่งใสในระบบ และทำให้เสียงของคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมถูกลดคุณค่าจนแทบไม่มีใครรับฟัง
ผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ไม่เพียงทำลายความไว้วางใจของประชาชนต่อรัฐ แต่ยังบั่นทอนโอกาสของการพัฒนาที่ควรจะเกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพ ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลจากรายงานยังชี้ว่าเกือบทุกกรณีของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ถูกสังหารทั่วโลกในปี 2020 เกิดขึ้นในประเทศที่มีการคอร์รัปชันอยู่ในระดับสูง ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนให้เห็นว่าการทุจริตมักมาพร้อมกับความรุนแรงต่อผู้ที่ลุกขึ้นท้าทายอำนาจ เพราะระบบที่ไม่โปร่งใสย่อมหวาดกลัวความจริง และพร้อมจะปิดปากทุกคนที่กล้าเปิดโปงอยู่เสมอ
ในทางกลับกัน สิทธิมนุษยชนคือรากฐานที่ช่วยให้สังคมยืนหยัดได้เมื่อเผชิญกับการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ทำให้ประชาชนกล้าตั้งคำถาม กล้าตรวจสอบ และกล้าที่จะเปิดโปงความไม่โปร่งใสโดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายหรือถูกกดทับจากผู้มีอำนาจ กล่าวอีกนัยหนึ่ง สังคมที่ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิที่เข้มแข็งคือวัคซีนชั้นดีในการป้องกันโรคคอร์รัปชันเรื้อรังที่หลายประเทศกำลังเผชิญ
เปลี่ยนมามอง “คน” เป็นศูนย์กลาง ตามแนวทาง Human Rights-Based Approach
ด้วยเหตุนี้ แนวคิดการพัฒนาจึงไม่ควรจำกัดอยู่แค่การปรับปรุงระบบราชการหรือเพิ่มทรัพยากรด้านสาธารณูปโภค แต่ต้องเปลี่ยนมุมมองมาที่ “คน” เป็นศูนย์กลาง นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวทางที่เรียกว่า Human Rights-Based Approach หรือ HRBA แนวทางนี้ไม่ได้ตั้งต้นจากคำถามว่าโครงการควรทำอะไร แต่ตั้งต้นจากคำถามว่า “ใครคือผู้ได้รับผลกระทบ” “เขามีสิทธิอะไรบ้าง” และ “อะไรคืออุปสรรคที่ทำให้เขาไม่สามารถใช้สิทธิของตัวเองได้อย่างเต็มที่”
แนวทางเช่นนี้ทำให้การพัฒนากลายเป็นกระบวนการที่เปิดพื้นที่ให้เสียงของผู้คน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เข้ามาร่วมออกแบบ ร่วมตัดสินใจ และร่วมตรวจสอบ การพัฒนาในลักษณะนี้จึงไม่ใช่เพียงการสร้างสิ่งใหม่ แต่เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน การต่อต้านคอร์รัปชันก็ต้องถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของวงจรโครงการตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ใช่เพียงเพิ่มมาตรการป้องกันเมื่อเกิดปัญหาแล้ว รายงานเสนอว่าการตรวจสอบความเสี่ยงคอร์รัปชันต้องเริ่มตั้งแต่การวางแผน ออกแบบกลไกตรวจสอบทีชัดเจน โปร่งใส ตรวจได้ และสร้างระบบร้องเรียนที่ประชาชนเข้าถึงได้จริง เพราะช่วงที่งบประมาณเริ่มขยับ ช่วงที่สัญญาเริ่มถูกลงนาม และช่วงที่ทรัพยากรเริ่มถูกจัดสรร คือช่วงเวลาที่เกิดช่องว่างของคอร์รัปชันมากที่สุด
เคนยาและแอฟริกาใต้ทำสำเร็จแล้ว
กรณีตัวอย่างในหลายประเทศ มีการบูรณาการของสองแนวคิดนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ เช่น โครงการในเคนยาและแอฟริกาใต้ที่ใช้แนวคิด “ออกแบบเพื่อความเสมอภาค” ทำให้กลุ่มชายขอบมีพื้นที่มากขึ้นในการเข้าถึงบริการของรัฐและทรัพยากรทางเศรษฐกิจ หรือในอินโดนีเซีย ที่มีการปรับขั้นตอนการออกหนังสือเดินทางจากระบบเดิมที่เอื้อให้เกิดการจ่ายสินบนเป็นระบบที่โปร่งใสขึ้น ประชาชนรอคิวน้อยลง และลดปัญหาการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบลงอย่างเห็นได้ชัด
ในคาซัคสถาน ชุมชนท้องถิ่นได้รับความรู้ด้านกฎหมายและงบประมาณจนสามารถตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐด้วยตัวเอง ทำให้การใช้งบประมาณในชนบทโปร่งใสมากขึ้น ส่วนในฟิลิปปินส์ การพัฒนาระบบน้ำและสุขาภิบาลถูกมองใหม่ในฐานะ “สิทธิขั้นพื้นฐาน” มากกว่าเป็นเพียงโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้รัฐบาลต้องจัดการกับปัญหาความเหลื่อมล้ำและคอร์รัปชันในระบบท้องถิ่นควบคู่กันไป
ทั้งหมดนี้สรุปได้ว่าการพัฒนาจะไปได้ไกลเพียงใดไม่ได้วัดจากงบประมาณที่ใช้ไปหรือจำนวนโครงการที่เกิดขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับความโปร่งใสและคุณค่าความเป็นมนุษย์ เมื่อสังคมมีทั้งความยุติธรรมและความโปร่งใส การพัฒนาก็จะเดินหน้าได้อย่างมั่นคง และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง
ด้วยเหตุนี้ การผสานการต่อต้านคอร์รัปชันกับการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนจึงเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนา หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป การพัฒนาย่อมไม่สมบูรณ์ และยากจะสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนได้จริง!
คอลัมน์ “KRAC Extract” สกัดองค์ความรู้ที่จับต้องได้ผ่านการศึกษาสถานการณ์คอร์รัปชันโลกที่จะพาคุณไปสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชันในระดับสากล เจาะลึกรายงานจากแหล่งข้อมูลนานาชาติ และวิเคราะห์ประเด็น Hot ที่โลกกำลังจับตา เพราะคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องไกลตัว และการเรียนรู้บทเรียนจากต่างประเทศคือหนึ่งในกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
Rahman, K. 2022. Anti-corruption and human rights: Integration in development programmes. Bergen: U4 Anti-Corruption Resource Centre, Chr. Michelsen Institute (U4 Helpdesk Answer 2022:17)
เรียบเรียงโดย ธนากาญจน์ กันทอง
ฝ่ายสื่อสารองค์ความรู้
หัวข้อ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | คอร์รัปชันในอุตสาหกรรมประมงไทย : ปัญหาที่กระทบเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน และภาพลักษณ์ประเทศ
จะแก้อย่างไรถ้าอุตสาหกรรมประมงไทยคอร์รัปชัน ? ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมประมงระดับโลกของไทยอีกด้วย โดย KRAC สรุปมาให้เเล้วจากงานวิจัยเรื่อง “การศึกษาวิเคราะห์การทุจริตคอร์รัปชันขบวนการเครือข่ายนายหน้าแรงงานข้ามชาติเมียนมาในอุตสาหกรรมประมงต่อเนื่องของประเทศไทย” (2562)
KRAC Insights I How We Define Corruption: นิยามจากฐานรากผ่านเสียงของผู้แบกรับผลคอร์รัปชัน
KRAC ชวนอ่านสรุปเวทีเปิดตัวรายงาน How We Define Corruption โดย มูลนิธิศักยภาพชุมชนx HAND x KRAC x สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย ถอด “นิยามคอร์รัปชันจากฐานราก” ผ่าน 6 ประชากรกลุ่มชายขอบ พร้อมเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองคอร์รัปชันในมิติการเมืองและ ผลกระทบต่อชีวิตประชาชน
KRAC Insight | ทุจริตกัดกินความยั่งยืน
“เราจินตนาการถึงโลกที่ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกันในการบรรลุศักยภาพของมนุษย์ โลกที่ยุติธรรม เท่าเทียม เปิดกว้าง และครอบคลุมความต้องการของกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุด” แต่ผลการสำรวจสถานะความคืบหน้าจากหลายองค์กรกลับส่งสัญญาณว่า โลกของเรายังห่างไกลจากหนทางที่จะบรรลุความสำเร็จที่ตั้งไว้ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะโลกยังเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชัน


