KRAC Insights I บทเรียนจากอาเซียนว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในยุคดิจิทัล

“ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ” ถือเป็นหัวใจของการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเชิงโครงสร้าง ภายใต้บริบทของอาเซียนที่แต่ละประเทศต่างเผชิญโจทย์ร่วมกันบนทางแพร่งระหว่าง “ประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ” กับ “ความโปร่งใสในการกำกับตรวจสอบ”


งานเสวนาในหัวข้อ “Government Procurement Transparency & Auditing Government Projects (ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างและตรวจสอบโครงการภาครัฐ)” ภายใต้งานประชุมวิชาการระดับนานาชาติด้านนวัตกรรมในการต่อต้านคอร์รัปชันแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 3 จึงกลายเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนบทเรียนและแนวทางการปรับตัวของภูมิภาค

โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจาก 4 ประเทศอาเซียนร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ได้แก่

  1. Atty. Genmaries S. Entredicho-Caong ผู้อำนวยการบริหาร Procurement Service of the Department of Budget and Management (PS-DBM) จากประเทศฟิลิปปินส์
  2. Wana Alamsyah ผู้ประสานงานด้านการจัดการองค์ความรู้จาก Indonesia Corruption Watch (ICW) ประเทศอินโดนีเซีย
  3. Pushpan Murugiah ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Center to Combat Corruption and Cronyism (C4 Center) ประเทศมาเลเซีย
  4. แพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ประเทศไทย

 

สำหรับเวทีนี้ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในยุคดิจิทัลของแต่ละประเทศ แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ว่าการใช้เทคโนโลยีอย่างเดียวไม่อาจสร้าง “ความโปร่งใส” ได้ หากขาดการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การตรวจสอบโดยสื่อ และความมุ่งมั่นทางการเมืองของรัฐที่จะเปิดเผยข้อมูลอย่างแท้จริง

 

บทความนี้จึงมุ่งถอดบทเรียนจากอาเซียนว่าด้วย “การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในยุคดิจิทัล” ผ่านมุมมองของผู้ปฏิบัติและผู้ตรวจสอบจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมกันมองหาหนทางสู่การสร้างระบบจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส ยุติธรรม และมีประสิทธิภาพในระดับภูมิภาค

ฟิลิปปินส์: ปฏิรูปกฎหมาย เปลี่ยนเกมจัดซื้อภาครัฐ

Atty. Genmaries S. Entredicho-Caong ผู้อำนวยการ Procurement Service แห่งสำนักงบประมาณและการบริหารจัดการ (PS-DBM) ของฟิลิปปินส์ เปิดการพูดคุยด้วยการกล่าวถึง “การเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี” ของประเทศ นั่นคือการประกาศใช้ กฎหมาย New Government Procurement Act (NGPA) เมื่อปี 2024

กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่แค่การปรับปรุงระเบียบราชการ แต่คือ “การออกแบบระบบใหม่” ที่วางเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นแกนกลางของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ภายใต้เป้าหมาย โปร่งใส ประสิทธิภาพ และรับผิดชอบโดย DBM ทำหน้าที่เป็นหน่วยจัดซื้อกลางของรัฐบาล โดยขับเคลื่อนผ่านระบบดิจิทัลที่ชื่อว่า PhilGEPS ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ทำหน้าที่เสมือน “ตลาดออนไลน์ของรัฐ” มีทั้งร้านค้าเสมือน (e-marketplace) ระบบประมูลอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ฐานข้อมูลซัพพลายเออร์ และฟีเจอร์ข้อมูลเปิด (Open Data) ที่ให้ประชาชนสามารถติดตามได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน การประกาศผู้ชนะประมูล ไปจนถึงการเซ็นสัญญา

ที่สำคัญ PS-DBM ยังบังคับให้ผู้เข้าร่วมประมูลต้องเปิดเผยข้อมูล “ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง” (Beneficial Ownership) เพื่อป้องกันการฮั้วและการซ่อนตัวของเครือข่ายผลประโยชน์ และถือเป็นก้าวย่างสำคัญของฟิลิปปินส์ในการสร้างระบบจัดซื้อจัดจ้างที่ตรวจสอบได้ตั้งแต่เริ่ม

อินโดนีเซีย: ให้ประชาชนเป็น “ผู้ตรวจสอบ” ร่วมกับรัฐ

Wana Alamsyah จาก Indonesia Corruption Watch (ICW) กล่าวว่า การต่อสู้กับคอร์รัปชันในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ได้หมายถึงการเปิดเผยข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่คือ “การให้ประชาชนมีส่วนร่วม” ด้วย

เมื่อเกิดการคอร์รัปชัน ไม่ใช่แค่รัฐสูญเสียงบประมาณ แต่รวมถึงประชาชนที่สูญเสียสิทธิและโอกาสในการได้รับประโยชน์จากงบประมาณด้วย จึงเป็นที่มาของ ICW ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Open Data ซึ่งรวบรวมข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างจากทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงของแต่ละโครงการได้ด้วยตนเอง

โดยระบบยังให้คะแนนความเสี่ยงของโครงการตั้งแต่ 1-100 คะแนน โดยจัดลำดับตามสีต่างๆ คือ คะแนนความเสี่ยงเป็นสี เขียว เหลือง แดง ทั้งยังระบุเชื่อมโยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงเปิดให้ภาคีและบริษัทต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมพร้อมระบุความเชื่อมโยงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผลประโยชน์ทับซ้อน

นอกจากนี้ยังมีโครงการ “Monitoring Marathon” ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมเฝ้าระวังโครงการรัฐกว่า 600 โครงการทั่วประเทศ และพบว่ามีอย่างน้อย 124 โครงการที่ถูกส่งเรื่องร้องเรียน อย่างไรก็ตาม แม้จะยังมีอุปสรรคด้านงบประมาณและระบบรับเรื่องร้องเรียนที่ต้องพัฒนา แต่บทเรียนจากอินโดนีเซียแสดงให้เห็นว่า พลังพลเมือง คือแรงผลักดันสำคัญของความโปร่งใสในโลกที่ข้อมูลไม่อาจถูกซ่อนอีกต่อไป

มาเลเซีย: ความรับผิดรับชอบที่ไม่ใช่แค่คำขวัญ

“1 ใน 3 ของงบประมาณแผ่นดินถูกใช้ไปกับการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เรากลับไม่รู้ว่ามันถูกใช้ไปอย่างไร” คำกล่าวของ Pushpan Murugiah ซีอีโอจาก Center to Combat Corruption and Cronyism (C4 Center) สะท้อนปัญหาลึกในมาเลเซีย

เขายกตัวอย่างโครงการเรือรบ 6 ลำ มูลค่าหลายพันล้านริงกิตที่ไม่เคยส่งมอบจริง และโครงการบรรเทาน้ำท่วมที่ขาดการเปิดเผยข้อมูลการประมูล จนสะสมกลายเป็น “ปัญหาเรื้อรัง” ของรัฐ ทั้งนี้เขามองว่าหากมาเลเซียจะต้องปรับปรุงเรื่องนี้ต้องทำ 5 ยุทธศาสตร์หลักในการปฏิรูป ได้แก่

  1. การใช้มาตรฐาน Open Contracting Data Standard (OCDS) เพื่อให้ข้อมูลจัดซื้อมีรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ
  2. การตรวจสอบเชิงรุก (Proactive Audit) ให้หน่วยตรวจสอบมีสิทธิเข้าแทรกแซงตั้งแต่พบสัญญาณเตือน ไม่รอตรวจหลังเกิดเหตุ
  3. การเปิดเผยข้อมูล Beneficial Ownership อย่างเป็นระบบและไม่เลือกปฏิบัติ
  4. การสร้างระบบ e-Procurement ที่ครอบคลุมทั้งกระบวนการ
  5. การให้ภาคประชาสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนและติดตาม

นอกจากนี้ เขายังได้ทิ้งท้ายว่า “ความโปร่งใสเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือความรับผิดรับชอบที่มีผลในทางปฏิบัติ” หมายถึงรัฐต้องพร้อมรับผิดชอบต่อความผิดพลาด และลงโทษผู้ทุจริตได้จริง ไม่ใช่เพียงโยกย้ายหรือยุติการสอบ

ระบบ E-GP ผู้คุมเกมจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในไทย

แพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กล่าวถึง สถานการณ์จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของประเทศไทยว่า ในปี 2024 งบประมาณจัดซื้อจัดจ้างของไทยสูงถึง 1.66 ล้านล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 9% ของจีดีพี และ 48% ของงบประมาณทั้งหมด

โดยอดีตของการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐดำเนินไปบนกระดาษกองโต รายชื่อผู้รับเหมาและราคาประมูลซึ่งส่งผลให้การทำงานตรวจสอบทำได้ยุ่งยากเพราะเอกสารมากมาย แต่วันนี้ ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประกาศประกวดราคา (TOR) การยื่นข้อเสนอไปจนถึงการลงนามในสัญญา ถูกย้ายขึ้นสู่ระบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์กลางของกรมบัญชีกลางที่ใครก็สามารถเข้าไปดูได้

โดยประเทศไทยเริ่มใช้ระบบ Electronic Government Procurement (e-GP) อย่างเป็นทางการหลังปี 2560 ซึ่งเป็นระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ ภายใต้การกำกับของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ถูกออกแบบมาเพื่อปลดล็อก “ความเปราะบาง” ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่มักเต็มไปด้วยอิทธิพลและดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยหวังว่าจะสร้างระบบที่เปิดเผย ตรวจสอบได้ และลดช่องทางการทุจริตลงให้มากที่สุดผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเข้าสู่ระบบดิจิทัล ตั้งแต่การประกาศแผน การเสนอราคา ไปจนถึงการประกาศผู้ชนะ

ทั้งยังอธิบายเพิ่มว่า ระบบนี้ช่วยให้ข้อมูลถูกตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ และเมื่อเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ data.go.th ก็ทำให้ภาคประชาชนสามารถเข้ามาตรวจสอบได้ด้วยตนเอง ขณะเดียวกัน แพตริเซียยอมรับว่า “ข้อมูลที่เปิดเผยยังไม่เพียงพอ” จึงต้องมีการปรับปรุงระบบ e-GP ให้ใช้งานง่ายขึ้นสำหรับคนทั่วไป เพิ่ม QR Code ที่ไซต์ก่อสร้าง ให้สแกนดูข้อมูลโครงการได้ทันที และเริ่มร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ เช่น Open Contracting Partnership (OCP) และ ธนาคารโลก เพื่อพัฒนาระบบเปิดเผยข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง

และในอนาคต กรมบัญชีกลางเตรียมพัฒนา “ระบบเทียบราคากลางกับราคาตลาด” เพื่อเตือนภัยความเสี่ยง หากหน่วยงานใดเสนอราคาสูงเกินจริง ซึ่งเป้าหมายคือการทำให้ “ระบบเตือนภัย” กลายเป็นกลไกเชิงรุกในการป้องกันคอร์รัปชัน

จากบทเรียนของประเทศในอาเซียนที่ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเสวนาในครั้งนี้ สะท้อนบทเรียนร่วมกันว่า “เทคโนโลยีดิจิทัล” คือเครื่องมือสำคัญในการทำให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโปร่งใส ซึ่งจะได้ผลจริงนั้นต้องมีเจตจำนงทางการเมือง การเปิดเผยข้อมูลอย่างแท้จริง และการมีส่วนร่วมของประชาชน

 

จะเห็นได้ว่า ฟิลิปปินส์ปฏิรูปด้วยกฎหมายใหม่และนำระบบ PhilGEPS ที่เปิดข้อมูลเข้ามาใช้ ขณะที่อินโดนีเซียใช้พลังพลเมืองตรวจสอบผ่านแพลตฟอร์มข้อมูลเปิด ส่วนมาเลเซียเน้นความรับผิดชอบจริงในทางปฏิบัติและประเทศไทยใช้ระบบ e-GP ที่ช่วยให้ทุกขั้นตอนโปร่งใสและตรวจสอบได้


อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้ยังคงต้องการการพัฒนาต่อให้ข้อมูลเข้าถึงง่าย และการเปิดเผยข้อมูลเพื่อตรวจสอบการทุจริตในวงจรการจัดซื้อจัดจ้างที่มากขึ้นในอนาคต ซึ่งหากสำเร็จได้จะถือได้ว่าเป็นเครื่องมือสร้างที่จะสร้างธรรมมาาภิบาลและป้องกันคอร์รัปชันได้อย่างแท้จริง

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง

เสฏฐวุฒิ เกตุเเก้ว

หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | หลังฉากความสำเร็จการพัฒนาโครงการ งบประมาณถึงมือชาวบ้านหรือมือใคร ?

ทราบหรือไม่ว่ายังมีอีกหลายโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการพัฒนาชุมชน แต่กลับสูญเปล่า หรือไม่คุ้มค่ากับที่ตั้งใจไว้ ทำให้ชาวบ้านที่ฝันไกลว่าอยากให้ชุมชนพัฒนาแค่ไหน แต่งบประมาณกลับไปไม่ถึง

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รู้จัก “3 พันธมิตร” ต้นตอของการคอร์รัปชันในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่

โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐ หมายถึงโครงการก่อสร้างที่มีงบประมาณตั้งแต่ 1 พันล้านบาทขึ้นไป หรือที่เรามักได้ยินว่า “เมกะโปรเจกต์” (Mega Project) และด้วยการที่เป็นโครงการที่มีงบประมาณจำนวนมาก การทุจริตในโครงการประเภทนี้จึงสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับงบประมาณประเทศ

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | มาตรการลดโกงที่เข้มข้น อาจ “เพิ่มภาระ” ในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้

การสร้างมาตรการป้องกันและตรวจสอบที่เข้มข้นของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกฎระเบียบ หรือการบังคับรายงานข้อมูลต่าง ๆ อาจไม่ใช่คำตอบของการแก้คอร์รัปชัน เพราะกฎระเบียบที่ซับซ้อนอาจกลายเป็นภาระและซ้ำเติมปัญหาเดิม ถึงเวลาคิดใหม่ หาทางออกที่โปร่งใสและยั่งยืน

You might also like...

KRAC Insights I จากสภาสู่สังคม ‘พริษฐ์ วัชรสินธุ’ กับบทบาทตรวจสอบและต่อต้านการคอร์รัปชัน

จากสภาสู่สังคม” กับ ‘พริษฐ์ วัชรสินธุ’ ที่มาชวนตรวจสอบการใช้อำนาจและงบประมาณของรัฐ พร้อม เปิดมุมมองคอร์รัปชันการเมืองให้เข้าใจง่าย ตั้งแต่ลานจอดรถรัฐสภาไปจนถึงปัญหาองค์กรอิสระ

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | เจาะกลโกงลึกเครือข่ายลับ ผู้อยู่เบื้องหลังการทุจริตงบประมาณโรงเรียน

แม้เราจะพูดถึงการปฏิรูปการศึกษามาหลายปี แต่ปัญหาที่ซ่อนอยู่กลับคือเครือข่ายอิทธิพลในระบบการศึกษาที่ทุจริตอย่างเป็นระบบ โดยงานวิจัยนี้ได้เปิดเผยกลไกผลประโยชน์ระหว่างข้าราชการ นักการเมือง และธุรกิจ พร้อมเสนอแนวทางสร้างความโปร่งใสเพื่อยุติวงจรคอร์รัปชันในวงการศึกษาไทย

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | มาตรการลดโกงที่เข้มข้น อาจ “เพิ่มภาระ” ในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้

การสร้างมาตรการป้องกันและตรวจสอบที่เข้มข้นของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกฎระเบียบ หรือการบังคับรายงานข้อมูลต่าง ๆ อาจไม่ใช่คำตอบของการแก้คอร์รัปชัน เพราะกฎระเบียบที่ซับซ้อนอาจกลายเป็นภาระและซ้ำเติมปัญหาเดิม ถึงเวลาคิดใหม่ หาทางออกที่โปร่งใสและยั่งยืน