“ผลประโยชน์ทับซ้อน” ต้นตอของคอร์รัปชัน
Conflict of interest หรือ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” คือ สถานการณ์ที่ “คนคนหนึ่งมีหน้าที่ต้องตัดสินใจหรือทำงานบางอย่าง” แต่ตัวเขาเองหรือคนใกล้ชิด เช่น ญาติหรือเพื่อนสนิท มี “ผลประโยชน์” ที่อาจได้รับจากการตัดสินใจนั้น จนทำให้การตัดสินใจอาจเอนเอียงหรือไม่เป็นธรรม
ตัวอย่างเช่น ข้าราชการที่มีอำนาจเลือกบริษัทรับเหมาแล้วมีบริษัทของญาติตัวเองเข้ามาแข่งขันประกวดราคา ครูเป็นกรรมการสอบแข่งขันที่ลูกตัวเองเข้าสอบ เป็นต้น ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความไม่โปร่งใสได้ เราจึงมักได้ยินคำว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” เมื่อพูดถึงการคอร์รัปชันอยู่บ่อยครั้ง เพราะสถานการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในระบบราชการไทยที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการแต่งตั้งตำแหน่งต่าง ๆ
วิจัยชี้ เจ้าหน้าที่ อบจ. เข้าใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในระบบราชการ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องระมัดระวัง แต่งานวิจัยเรื่อง “การสํารวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย” โดย โกวิทย์ กังสนันท์ และคณะ (2561) กลับพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มีความเข้าใจเรื่อง Conflict of Interest น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
งานวิจัยใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามทางไปรษณีย์ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 จังหวัด จํานวน 912 คน โดยรวมพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐมีระดับ “การรับรู้” เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) ประมาณ 52.89% และเมื่อวัดไปถึงระดับ “ความเข้าใจ” ผลลัพธ์เหลือเพียง 46.09%
หมายความว่าเจ้าหน้าที่รัฐไทยรับรู้เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest)เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น และหากลึกลงไปถึงระดับความเข้าใจ จะพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีความเข้าใจน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
อบจ.ขนาดใหญ่ เป็นกลุ่มที่มีระดับการรับรู้และความเข้าใจในเรื่องนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
นอกจากนี้งานวิจัยยังพบว่า องค์การบริหารส่วนจังหวั (อบจ.) ขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับงบประมาณจำนวนมาก กลับเป็นกลุ่มที่มีระดับการรับรู้และความเข้าใจในเรื่องนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ทั้งที่ควรเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงและต้องเข้มงวดมากที่สุด สะท้อนให้เห็นว่า ช่องว่างนี้เป็นจุดอ่อนสำคัญที่อาจนำไปสู่ปัญหาการทุจริตหรือผลประโยชน์ทับซ้อนได้โดยไม่รู้ตัว
โดยงานวิจัยพบว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐที่ยังขาดความรู้และความเข้าใจ ส่วนใหญ่คือเจ้าหน้าที่ในระดับล่าง ซึ่งอาจทำให้ปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่ระดับฐานราก อย่างไรก็ตามในกลุ่มที่มีการศึกษาสูง ตำแหน่งสูง หรือประสบการณ์มาก จะมีความเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ อย่างชัดเจน
เราจะแก้ไขได้อย่างไร ?
สิ่งเหล่านี้อาจเกิดจากวัฒนธรรม หรือค่านิยมแบบไทย ๆ อย่างการให้ของขวัญ สินน้ำใจ หรือระบบเครือญาติและพรรคพวก ที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติในระบบราชการ แม้ในความเป็นจริง หลายกรณีเข้าข่าย “ผลประโยชน์ทับซ้อน” แต่เจ้าหน้าที่จำนวนมากกลับไม่ตระหนักว่ากำลังละเมิดหลักการสำคัญ หรืออยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่อการทุจริต
จากปัญหาดังกล่าว งานวิจัยเสนอแนวทางว่า รัฐต้องเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อบจ.ขนาดใหญ่ และกลุ่มเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ นอกจากนี้ยังควรมีการเผยแพร่ข้อมูลและการอบรมที่เข้าถึงง่าย ทันสมัย และจัดเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง รวมถึงติดตามประเมินผลเป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าความรู้และความเข้าใจถูกส่งต่อจริง
แม้ Conflict of interest จะฟังดูเป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อนและเข้าใจได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะถูกมองข้าม เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้น คือความเสียหายมหาศาลของประเทศชาติ หากเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง ปัญหาการทุจริตอาจจะหมดไปได้ยาก
งานวิจัยนี้จึงไม่ใช่แค่รายงานตัวเลข แต่เป็นสัญญาณเตือน เพื่อให้ทุกฝ่ายหันมาตระหนักกับเรื่องพื้นฐานที่สำคัญต่อความโปร่งใสในระบบราชการของไทย
คอลัมน์ “KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย” เป็นบทความเล่างานวิจัยไทยด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่หยิบยกหนึ่งในประเด็นของงานวิจัยในมุมมองของผู้ปฏิบัติการ เพื่อปูพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน และการต่อต้านคอร์รัปชันในมิติต่าง ๆ ภายใต้บริบทของประเทศไทย
โกวิทย์ กังสนันท์, ณัฐวุฒิ สมบูรณ์ยิ่ง, ธีรวรรณ เอกรุณ และภัทรวุฒิ เฉยศิริ. (2561). โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.
ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หัวข้อ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | แก้คอร์รัปชันต้องเริ่มที่ปัจจัยไหน โครงสร้างหรือค่านิยมที่ผิด ?
ปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทยยังเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังแก้ไม่หาย แม้จะมีการก่อตั้งหน่วยงานและมีนโยบายออกมาป้องกันและปราบปรามมากมายแต่ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนัก แล้วต้นเหตุของมันคืออะไร ? ชวนมาดูการวิเคราะห์ปัจจัยการคอร์รัปชันเชิงโครงสร้างภาครัฐ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | เจ้าหน้าที่รัฐเข้าใจ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ต่ำกว่าครึ่ง ทั้งที่เป็นจุดเริ่มต้นของคอร์รัปชัน
งานวิจัยปี 2561 พบว่าเจ้าหน้าที่ อบจ. ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจหลัก Conflict of Interest อย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง สะท้อนถึงช่องโหว่สำคัญในระบบราชการที่ต้องเร่งสร้างความรู้และความโปร่งใสอย่างเร่งด่วน
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด ต้นเหตุการเสียงบประมาณรัฐหลักพันล้าน
“รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด” เป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างรุนแรง ซึ่งการปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดส่วนหนึ่งเกิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนและปล่อยปละละเลยรถบรรทุกเหล่านี้


