KRAC Insights I ข้อมูลเปิด ทางออกจากเขาวงกตแห่งการคอร์รัปชัน

ปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ หากแต่เป็นปัญหาที่กัดกร่อนระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมมายาวนาน

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้เราจะมีมาตรการ มีกฎหมาย และมีกลไกตรวจสอบมากมาย แต่สถานการณ์คอร์รัปชันยังไม่ดีขึ้น สิ่งที่จำเป็นคือ เครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบทำได้จริง และประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้

วันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา รองศาสตราจารย์ ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ KRAC ได้มีโอกาสร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Open Data กับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในประเทศไทย” ในงาน BOT Symposium 2025 | เท่าทันภัยการเงิน: Towards Safer and More Inclusive Digital Finance จัดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

CoST Thailand และ Integrity Pact (IP) สามารถสร้างความประหยัดเชิงงบประมาณได้จริง

งานศึกษาชี้ให้เห็นว่า เมื่อเปิดเผยข้อมูลและมีระบบตรวจสอบที่ดี เช่น โครงการ CoST Thailand ซึ่งเน้นเปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้างสาธารณะ พบว่าเพียงแค่การสร้างกลไกให้ข้อมูลเข้าถึงได้ ก็สามารถสร้างความประหยัดเชิงงบประมาณได้จริง

จากข้อมูล ในช่วงปี 2558–2568 มีโครงการที่ถูกติดตามกว่า 7,118 โครงการ โดยในจำนวนนี้มี 6,167 โครงการ ที่เปิดเผยข้อมูลและถูกตรวจสอบงบประมาณรวมกว่า 380,768 ล้านบาท

ผลลัพธ์ที่ได้คือ เกิดการประหยัดงบประมาณกว่า 27,761 ล้านบาท คิดเป็น 7.38% ของวงเงินทั้งหมด นี่ไม่ใช่ตัวเลขเล็ก ๆ หากพิจารณาว่าทุก ๆ 100 บาทที่รัฐใช้ หากสามารถประหยัดได้ 7 บาทกว่า ๆ ก็หมายถึงการนำเงินภาษีประชาชนกลับมาใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อื่นได้จำนวนมหาศาล


ยิ่งไปกว่านั้น งานวิเคราะห์เชิงสถิติที่ใช้เครื่องมือทางเศรษฐมิติ เช่น OLS Model, Fixed Effect Model และ Propensity Score Matching ยังยืนยันว่า แม้ควบคุมตัวแปรอื่น ๆ แล้ว ก็ยังพบการประหยัดได้จริงในระดับ 5%–6% สิ่งนี้สะท้อนว่า Open Data ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่มี “ผลลัพธ์” ที่วัดได้

 

อีกหนึ่งกลไกสำคัญคือ “Integrity Pact (IP)” หรือ “ข้อตกลงคุณธรรม” ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีบทบาทร่วมตรวจสอบ โดยโครงการนี้เน้นให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างมีผู้สังเกตการณ์อิสระเข้าไปตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง


ตั้งแต่ปี 2558 มีการดำเนินโครงการ IP รวม 193 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2.15 ล้านล้านบาท ผลที่ได้คือเกิดการประหยัดงบประมาณกว่า 78,474 ล้านบาท หรือ 8.2% แม้จำนวนโครงการที่เข้าร่วม IP จะยังไม่มากเมื่อเทียบกับงบลงทุนทั้งหมด แต่สัดส่วนการประหยัดและการป้องกันความเสี่ยงด้านทุจริตก็แสดงให้เห็นถึง “ความคุ้มค่า” ของการลงทุนในกระบวนการสร้างความโปร่งใส

เร่งรัดเปิดเผย 25 ชุดข้อมูลสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน

แม้เราจะเห็นโอกาสและผลประโยชน์จำนวนมากดังที่กล่าวมาแล้ว แต่เครื่องมือเหล่านี้ยังพบอุปสรรคและข้อจำกัดจำนวนมาก โดยผลการศึกษา พบว่า

 

1) จำนวนโครงการที่เข้าร่วมยังน้อยเมื่อเทียบกับงบประมาณทั้งหมด

2) แม้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ครอบคลุมมากพอ

3) มีความแตกต่างระหว่างโครงการที่เข้าร่วมและไม่เข้าร่วม IP เช่น หน่วยงานที่มีประสบการณ์และความพร้อมสูงมักได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

อีกทั้ง ปัญหาเชิงโครงสร้างยังคงอยู่ เช่น การที่ข้อมูลยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นระบบ ไม่ได้อยู่ในรูปแบบ Machine-readable หรือเข้าถึงได้ยาก ปัญหานี้ทำให้แม้จะมีข้อมูลแต่ก็ไม่สามารถนำมาใช้ตรวจสอบหรือต่อยอดได้อย่างแท้จริง

สิ่งที่สำคัญคือ การชี้ให้เห็นว่าข้อมูลใดที่จำเป็นต้องเปิดเผย หากต้องการสร้างระบบต่อต้านคอร์รัปชันที่ยั่งยืน โดยงานศึกษานี้ได้เสนอ 25 ชุดข้อมูลสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน โดยเฉพาะข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ข้อมูลงบประมาณและการใช้จ่ายจริง ข้อมูลโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) ข้อมูลนิติบุคคลและมูลนิธิ ข้อมูลการครอบครองที่ดิน และข้อมูลเจ้าหน้าที่รัฐ และบัญชีทรัพย์สินนักการเมือง เป็นต้น

แต่สิ่งที่พบคือ ในจำนวนนี้ยังมีหลายชุดข้อมูลที่ “ไม่เปิดเผย” หรือเปิดเผยไม่ครบถ้วน และ 11 ชุดข้อมูลที่เปิดแต่ยังไม่เป็นมาตรฐาน ต้องพัฒนาเพิ่มเติม การผลักดันให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกเปิดเผยในรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน (Open Standard + Machine-readable) จึงเป็น “ภารกิจหลัก” ที่จะทำให้สังคมสามารถตรวจสอบเชิงลึกและป้องกันการรั่วไหลได้จริง

เร่งปรับปรุงกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง

ข้อเสนอเชิงนโยบายที่ถูกนำเสนอในงานศึกษานี้ เป็นเหมือน “แผนที่” ที่ชี้ทางให้ประเทศไทยเดินไปสู่การแก้ปัญหาคอร์รัปชันอย่างมีระบบและยั่งยืน โดยมีสองประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการควบคู่กันไป


ประการแรก คือ การเร่งรัดเปิดเผยข้อมูลสำคัญ

 

ถือเป็น Quick Wins ที่ทำได้ทันที โดยเฉพาะการเลือกชุดข้อมูลที่มีความสำคัญสูงสุดต่อการตรวจสอบ และสามารถสร้างผลลัพธ์ได้ในระยะสั้น ชุดข้อมูลเหล่านี้ได้แก่ ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ข้อมูลงบประมาณและการเบิกจ่ายจริง ข้อมูลโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ข้อมูลนิติบุคคลและมูลนิธิ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐและบัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง

การเปิดเผยข้อมูลทั้งห้านี้ในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานและสามารถเชื่อมโยงกันได้ จะทำให้เรามองเห็นภาพที่ครบถ้วน ตั้งแต่การใช้เงินภาษีประชาชน ไปจนถึงการระบุได้ว่าใครคือ “ผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง” หรือ Beneficial Ownership ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้มีการซุกซ่อนผลประโยชน์หรือสร้างเครือข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนที่เป็นรากเหง้าของการทุจริตเชิงโครงสร้าง


ประการที่สอง คือ การปรับปรุงกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง

 

เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลไม่ได้เป็นเพียงนโยบายชั่วคราวหรือขึ้นอยู่กับความสมัครใจของหน่วยงาน แต่กลายเป็นกลไกที่บังคับใช้ได้จริงอย่างเป็นระบบ ข้อเสนอที่สำคัญ ได้แก่ การแก้ไขประกาศของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ในปัจจุบันยังจำกัดให้การเปิดเผยข้อมูลอยู่เพียง 180 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาสั้นเกินไปและทำให้ข้อมูลสูญหายไปจากการตรวจสอบในระยะยาว

นอกจากนี้ยังต้องแก้ไขกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการ เพื่อยกระดับให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณและการบริหารงานรัฐเป็น “ข้อมูลสาธารณะ” อย่างแท้จริง มิใช่สิ่งที่ต้องไปยื่นขอแบบจำกัดสิทธิการเข้าถึง อีกทั้งยังควรจัดทำแนวทางการเปิดเผยข้อมูล (Open Data for Anti-Corruption Guideline) ที่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลกับการเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์สาธารณะ

ยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการข้อมูลตามเกณฑ์ OECD

หากข้อเสนอเชิงนโยบายเหล่านี้ได้รับการผลักดันอย่างจริงจัง จะไม่เพียงทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการตรวจสอบการทำงานของรัฐได้เท่านั้น แต่ยังจะช่วยยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการข้อมูลของประเทศไทยให้สอดคล้องกับแนวทางสากล ไม่ว่าจะเป็นข้อกำหนดขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) พันธกรณีในโครงการความร่วมมือเพื่อรัฐบาลโปร่งใส (OGP) หรือดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ที่เป็นเกณฑ์วัดระดับความโปร่งใสของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

เมื่อประเทศไทยสามารถยกระดับตัวเองในเวทีเหล่านี้ได้ ก็จะไม่เพียงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาประชาคมโลก แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ การลงทุน และสร้างระบบนิเวศแห่งความโปร่งใสที่แข็งแรงสำหรับคนรุ่นต่อไป

ฉะนั้นบทเรียนจากงานศึกษาเบื้องต้นนี้สะท้อนชัดเจนว่า Open Data ไม่ใช่ภาระ แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะทุกบาทที่ถูกใช้ไปกับการสร้างความโปร่งใส สามารถประหยัดงบประมาณได้หลายเท่าตัว และที่สำคัญคือการสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้สังคมไทยพ้นจากวงจรคอร์รัปชัน


หากประเทศไทยสามารถทำให้ Open Data กลายเป็นวาระแห่งชาติ และขับเคลื่อนด้วยเจตจำนงทางการเมืองอย่างแท้จริง เราจะไม่เพียงประหยัดเงิน แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพการบริหาร และสร้างสังคมที่คนรุ่นใหม่ภูมิใจได้ว่า “คอร์รัปชันไม่ใช่วัฒนธรรมไทย” อีกต่อไป

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง

ศุภวิชญ์ แก้วคูนอก

หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ตัดจบปัญหาคอร์รัปชัน ผ่านการสร้าง Big Data

Big Data มีความสำคัญอย่างมากในการต่อต้านคอร์รัปชัน เพราะสามารถนำข้อมูลการใช้จ่ายของรัฐที่ถูกจัดเก็บไว้มาวิเคราะห์หาความเสี่ยงในการคอร์รัปชันได้ หากใช้งานข้อมูลให้เป็น จะช่วยอุดช่องโหว่ความเสี่ยงคอร์รัปชันได้

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | การต่อต้านการทุจริตอาจต้องเริ่มที่ความเข้าใจของประชาชน

ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสิทธิการรับรู้ข่าวสารของสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน 1,041 คน ในปี 2562 ชี้คนไทยครึ่งประเทศไม่รู้ว่า ตัวเองมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของสำนักงาน ป.ป.ช.

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | 3 มุมมองจากผู้รู้ สู่การแก้โกงจากการใช้ดุลยพินิจของรัฐ

เมื่อดุลยพินิจมากเกินไป แก้อย่างไรถึงจะเห็นผล ? ในการกำหนดนโยบายและการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของรัฐต่างก็ต้องมีคนที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการ โดยสามารถใช้ดุลยพินิจของตนเพื่อตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ แต่หลายครั้งการวินิจฉัยกลับไม่เป็นไปอย่างเที่ยงธรรม หรือเป็นการวินิจฉัยที่เบี่ยงเบนไปตามความพึงพอใจ อคติ หรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง จนเกิดเป็นการ “ทุจริต”

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | มาตรการลดโกงที่เข้มข้น อาจ “เพิ่มภาระ” ในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันได้

การสร้างมาตรการป้องกันและตรวจสอบที่เข้มข้นของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มกฎระเบียบ หรือการบังคับรายงานข้อมูลต่าง ๆ อาจไม่ใช่คำตอบของการแก้คอร์รัปชัน เพราะกฎระเบียบที่ซับซ้อนอาจกลายเป็นภาระและซ้ำเติมปัญหาเดิม ถึงเวลาคิดใหม่ หาทางออกที่โปร่งใสและยั่งยืน

บทความวิจัย | การบริหารงานของวัดตามหลักธรรมาภิบาล

การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการวัดต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากวัด ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางรากฐานและรักษากฎระเบียบ รวมถึงควรมีการปฏิรูปวัดเพื่อให้เกิดการบริหารที่มีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบ และมีความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน

KRAC Hot News I จาก “ป้าข้างบ้าน” สู่การแจ้งเบาะแส โอกาสการต่อต้านคอร์รัปชันของไทย

คนไทยขึ้นชื่อว่าใส่ใจและช่างสังเกต แต่ที่ผ่านมาเรื่องราวการโกงมักจบแค่ซุบซิบกัน ไม่ได้ก้าวไปสู่การแจ้งจริง วันนี้กฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก ของ ป.ป.ช. เข้ามาคุ้มครองผู้กล้าเปิดโปงทุจริต ป้องกันการฟ้องปิดปาก และช่วยเหลือด้านคดี ทำให้เราไม่ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป