
ร้อยแปดปัญหาที่เกี่ยวโยงกับการคอร์รัปชันในประเทศไทยตลอดปี 2567 ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาผู้มีอิทธิพล การบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอ การละเลยหลักนิติธรรม (Rule of Law) และความไม่โปร่งใสในระบบราชการ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงคอร์รัปชันในทุกภาคส่วน ดังที่เห็นได้จากกรณีและคดีโกงมากมายทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชน
เจาะลึกสถานการณ์คอร์รัปชันไทยในปี 2567 ผ่านกรณีคอร์รัปชันทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชน
(1) กรณีลดโทษ พักโทษ มอบอภิสิทธิ์ให้นักโทษคดีโกงชาติ
เช่น คดีที่นักการเมืองท้องถิ่นถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุก 130 ปีแต่ลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 50 ปีสุดท้ายปรับและรอลงอาญา 5 ปีและยังมีหลายเคสที่ทุจริตจริงแต่ผู้กระทำผิดรับสารภาพเลยได้ “รอลงอาญา” รวมถึงกรณีนักโทษชั้น 14 ที่ไม่ต้องนอนเรือนจำ
ซึ่งกรณีเหล่านี้ แม้ไม่ได้เชื่อมโยงกับการทุจริตที่เป็นตัวเงิน แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงการที่รัฐละเลยหลักนิติธรรม และเอื้อประโยชน์ให้กับคนที่มีอำนาจ โดย ดร.มานะ ชี้ว่า เป็นประเด็นที่เวทีเสวนานานาชาติไม่ว่าจะเป็น Transparency International หรือ OECD ที่มาจัดงานที่ไทยพูดถึงและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
(2) กรณีไฟไหม้รถนำเที่ยวเด็กนักเรียน สูญเสีย 22 ชีวิต
กรณีที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีใครโทษเจ้าหน้าที่รัฐเลย ทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่รัฐก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมนี้เช่นกัน ซึ่งกรมการขนส่งชี้แจงว่า รถคันนี้ผ่านการตรวจสอบสภาพรถยนต์ถูกต้องเรียบร้อย แต่นำไปดัดแปลงต่อเติมภายหลัง ซึ่งสะท้อนว่าเกิดจากการตรวจสภาพรถทิพย์ หรือที่เรียกว่า “เงินแลกลายเซ็น” ซึ่งมีมานานและทำเป็นกระบวนการ โดยมีนายหน้าเป็นผู้ดำเนินการแทน
ส่งผลให้ทุกวันนี้ มีรถผิดกฎหมายวิ่งอยู่เต็มท้องถนน และสิ่งที่ต้องแก้ไข คือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสภาพรถจริง ๆ จะได้รู้ว่ารถคันไหนหมดสภาพแล้ว หรือนำไปดัดแปลงที่ทำให้เกิดอันตรายกับเพื่อนร่วมท้องถนน
(3) คดีทุจริตที่ถูกยกฟ้อง เพราะปล่อยให้คดีหมดอายุความ
(4) สัมปทานรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน
(5) กรณีขุด/ขนย้ายกากแร่แคดเมียม
ตัวอย่างกรณีคดีคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น สะท้อนภาพของคอร์รัปชันในประเทศไทยที่รุนแรงเพิ่มขึ้น
พลวัตของการต่อต้านคอร์รัปชันในช่วงปีที่ผ่านมา
กรณีสินบนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) จากกระทรวงอุตสาหกรรม
กรณีที่มีการบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
เพื่อตรวจสอบธุรกรรมการเคลื่อนไหวทางการเงินของนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และบุคคลผู้มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดอำนาจรัฐ (Politically Exposed Persons: PEPs) ซึ่งมาตรการนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาปฏิบัติและบังคับใช้อย่างเหมาะสมกับความเสี่ยงของการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น โดยประกาศนี้ถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 แต่ในปี พ.ศ. 2563 กลับมีการออกประกาศกระทรวงยกเลิกอันเก่าทั้งหมด และทำให้ในปัจจุบันไม่มีบทบังคับใด ๆ ที่บังคับให้สถาบันทางการเงินจะต้องตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง หรืออาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตของบุคคลผู้มีสถานภาพทางการเมืองไทยอีกต่อไป ซึ่งอาจจะทำให้เกิดช่องโหว่ในกระบวนการตรวจสอบและติดตามเส้นทางธุรกรรมของบุคคลเหล่านี้
รัฐต้องเป็นผู้นำ และรื้อถอนระบบที่เอื้อต่อการคอร์รัปชัน
“เรายังมีความหวังกับคนรุ่นใหม่ในการต่อต้านคอร์รัปชัน”
- Corruption in Public Sector, Judiciary & Law Enforcement, Anti-Corruption
3 เมษายน 2568