เพื่อศึกษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 244 มาตรา 245 ประกอบมาตรา 221 เกี่ยวกับการวางระบบการร่วมมือกันทำงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดมาตรการ และวิธีการทำงานร่วมมือกันขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้วางมาตรการทางกฎหมาย และกำหนดบทบาทขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการทุจริตให้ร่วมมือและช่วยเหลือกันในการควบคุมตรวจสอบการทุจริต โดยเฉพาะตามมาตรา 221 มาตรา 244 และมาตรา 245 ที่บัญญัติให้องค์กรอิสระ มีบทบาทร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในเชิงรุกมากขึ้น ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น ซึ่งต่างจากอดีตที่จะเข้ามาดำเนินการ เมื่อมีการกล่าวหาว่ามีการทุจริตและมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการบัญญัติหลักการใหม่เช่นนี้ขึ้นในรัฐธรรมนูญ แต่ก็ยังไมมีงานวิจัย หรือข้อเสนอทางวิชาการที่ศึกษาในรายละเอียด เพื่อแสดงกลไกและมาตรการในการทำงานร่วมมือกันขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้ จึงนำมาสู่การศึกษาวิจัยเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ในประเด็นดังกล่าว
โดยวัตถุประสงค์ของการศึกษาวิจัย เพื่อศึกษาถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 244 มาตรา 245 ประกอบมาตรา 221 เกี่ยวกับการวางระบบการร่วมมือกันทำงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ บทบาทหน้าที่และอำนาจ ตลอดจนความเชื่อมโยงในการทำงานของแต่ละองค์กร และนำไปกำหนดมาตรการ และวิธีการทำงานร่วมมือกันขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป
สรุปประเด็นจากงานวิจัย
- ผลจากการศึกษา พบว่ากลไกความร่วมมือนี้ ยังคงมีลักษณะของการทำงานเชิงแก้ไขมากกว่าการทำงานในเชิงป้องกันไม่ให้การกระทำที่ไม่พึงประสงค์ หรือผลที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น คณะผู้วิจัย จึงเห็นว่า แม้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 จะวางบทบัญญัติความร่วมมือระหว่างองค์กรอิสระไว้ แต่เป็นความร่วมมือสำหรับดำเนินงานในการตรวจสอบ ปราบปราม เชิงแก้ไขในการกระทำหรือผลแห่งการกระทำที่เกิดขึ้นเล้ว หากจะนำเสนอให้มีกลไกความร่วมมือในเชิงป้องกัน คงจะอ้างอิงเพื่อปรับใช้บทบัญญัติเหล่านี้ไม่ได้ คงจะได้เพียงอ้างอิงถึงความพยายามที่จะให้เกิดความร่วมมือในระหว่างองค์กรอิสระเท่านั้น และเพื่อให้เกิดความร่วมมือ องค์กรอิสระ จะต้องมากำหนดรายละเอียดของกลไกในการร่วมมือกันอีก โดยจะต้องมีกฎหมายแม่บท หรือกฎหมายลำดับรองประกาศ รวมถึงบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) ระหว่างหน่วยงาน
- ผลจากการศึกษากลไกเกี่ยวกับการพิจารณาจัดทำและอนุมัติงบประมาณ พบว่ามีเพียงกลไกเชิงป้องกันตามมาตรา 144 ที่เกี่ยวกับข้อห้ามในการแปรญัตติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา คณะกรรมาธิการของสภา นอกนั้นจะเป็นการกำหนดกรอบกว้าง ๆ สำหรับการจัดทำและพิจารณาอนุมัติงบประมาณ แต่ยังไม่พบกลไกในการตรวจสอบที่ชัดเจน ซึ่งกลไกนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้พรรคการเมืองมีความรับผิดชอบทางการเงินการคลังมากยิ่งขึ้น หากต่อมาได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลและนำนโยบายที่หาเสียงมาเป็นนโยบายดำเนินการของรัฐบาล พรรคการเมืองนั้น ก็จะต้องจัดทำงบประมาณตามที่เสนอมา อย่างไรก็ดี หลายพรรคการเมืองยังคงเสนอแหล่งเงินแบบไม่ชัดเจน หรือไม่มีการปฎิบัติตามกลไกดังกล่าว
- ผลจากการศึกษา ได้จัดทำเป็นข้อเสนอเเนะ สรุปได้ ดังนี้
- ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไประดับชาติในอนาคตข้างหน้า ควรมีการนำระบบ หรือกลไกการประมาณการดังกล่าวนี้ไปใช้ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อจะได้ทดสอบการทำงานของกลไกที่จะได้ถูกออกแบบขึ้นว่ามีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพเพียงไร
- สำหรับแนวทางการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อจัดทำภารกิจในเรื่องของการวิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมือง และนโยบายของรัฐบาลในฐานะที่เป็นระบบปกตินั้น องค์กรที่จะจัดตั้งขึ้น ควรให้อยู่ในสังกัดของฝ่ายรัฐสภา เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวข้องในกระบวนการพิจารณาอนุมัติงบประมาณ ทั้งนี้ อาจพิจารณายกระดับหน่วยงานประจำที่มีอยู่ คือ สำนักงบประมาณของรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ขึ้นเป็นองค์กรที่มีความเป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้สายบังคับบัญชาในระบบราชการปกติ เพื่อให้การทำงานไม่ถูกอิทธิพลของข้าราชการประจำ หรือข้าราชการการเมืองในฝ่ายรัฐสภาเข้ามาแทรกแซงการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
ปกป้อง ศรีสนิท, กรรภิรมย์ โกมลารชุน, ณภัทร สรอัฑฒ์ และรณกรณ์ บุญมี. (2561). การพัฒนากฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).
- ปกป้อง ศรีสนิท
- กรรภิรมย์ โกมลารชุน
- ณภัทร สรอัฑฒ์
- รณกรณ์ บุญมี
หัวข้อ
โครงการเฝ้าระวังกฎระเบียบของรัฐ (Regulatory Watch)
เฝ้าระวังการออกกฎหมายที่เป็นพระราชบัญญัติ ซึ่งมีผลกระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชนที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง
โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย
ศึกษาและสํารวจข้อมูลระดับการรับรู้ของเจ้าหนาที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีต่อความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ (Conflict of Interest) เพื่อลดพฤติกรรมความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ในอนาคต
โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาต โดยใช้อำนาจรัฐ
ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ
โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต: การแสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
เพื่อประมาณการต้นทุน รายรับ การขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคมของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก และประมาณการผลตอบแทนส่วนเกินที่ตกแก่กลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์การแสวงหาค่าเช่า และศึกษาการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้อง