KRAC The Experience | EP 7: Standing on my own, Operations Like Private Sector

ทำยังไงให้การทำงานต่อต้านคอร์รัปชันของภาคประชาสังคมนั้นยั่งยืน ?” เรามีคำตอบมาให้จากแนวทางการขับเคลื่อนการต่อต้านคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในระดับโลก ร่วมไขข้อสงสัยได้ที่ KRAC The Experience ตอน “Standing on my own, Operations Like Private Sector”

ความเดิมตอนที่แล้วของ “KRAC The Experience” เราได้พาทุกท่านไปดูแนวทางการต่อต้านคอร์รัปชันที่ให้ภาคการศึกษาเป็นผู้รันวงการต่อต้านคอร์รัปชัน จากการเดินทางของ ผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค (KRAC) ที่ได้รับทุน Eisenhower Fellowships 2024 แล้วภาคประชาสังคมต่าง ๆ ที่ทำงานต่อต้านคอร์รัปชันควรมีแนวทางการทำงานอย่างไร ? วันนี้เรามีคำตอบมาให้ 

 


นอกจากการให้ภาควิชาการเป็นตัวกลางในการดำเนินงานเพื่อสร้างเสรีภาพในการถกเถียง รวมถึงสร้างเสถียรภาพในการทำงานที่ไม่ต้องกังวลกับความไม่แน่นอนทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอาจทำให้แนวทางการต่อต้านคอร์รัปชันเปลี่ยนไปแล้ว อีกภาคส่วนหนึ่งที่มีการให้ความสำคัญในการร่วมต่อต้านคอร์รัปชันคือ “ภาคประชาสังคม”

ภาคประชาสังคมมักต้องพึ่งพาทรัพยากรภายนอก โดยเฉพาะเงินทุนจากภาคเอกชนหรือหน่วยงานรัฐบาลต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการขับเคลื่อนการทำงานขององค์การ ซึ่งหลายหน่วยงานในสหรัฐอเมริกา (United State of America: USA) มีความเห็นว่า “องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานต่อต้านคอร์รัปชันควรมีการจัดการทางการเงินแบบภาคเอกชน เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างยั่งยืน”

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันในสหรัฐฯ มองว่าการทำงานแบบภาคเอกชนหรือ “ดำเนินการด้วยการพึ่งพาทุนของตนเอง” มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้องค์กรอยู่รอด การหาแหล่งรายได้จึงควรมีการปรับเปลี่ยนให้คล้ายคลึงกับการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน เช่น การพัฒนาโครงการเชิงธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำกำไรได้ รวมถึงการร่วมมือกับองค์กรภาคเอกชนในการทำงานต่าง ๆ

การดำเนินการแบบภาคเอกชนหรือการสร้างรายได้ด้วยตนเองของภาคประชาสังคม จะสร้างผลดีจากการรักษาความเป็นอิสระในการดำเนินงาน ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากผู้บริจาคหรือหน่วยงานที่อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน ตลอดจนความเกรงใจที่อาจต้องมีต่อหน่วยงานภาครัฐที่เป็นผู้สนับสนุน ทั้งนี้หากมีการดำเนินงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่องก็อาจเป็นการเปิดและสร้างโอกาสที่นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมหรือเครื่องมือใหม่ๆ ในการตรวจสอบและควบคุมการคอร์รัปชันได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังสามารถขยายขอบเขตการทำงานไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มภาคเอกชนที่มีความสำคัญต่อการสนับสนุนการต่อต้านคอร์รัปชันในระดับมหภาค

แนวทางดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการบูรณาการแนวทางการทำงานแบบภาคเอกชนในการรักษาความยั่งยืนทางการเงิน เพื่อให้องค์การเหล่านี้สามารถอยู่รอดและทำหน้าที่สำคัญในการสร้างความโปร่งใสและต่อต้านการคอร์รัปชันได้อย่างยั่งยืน หากสามารถนำแนวทางนี้มาใช้ในประเทศไทย ก็อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคประชาสังคม

ในประเทศไทย บริษัท แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม (HAND Social Enterprise) เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างขององค์การที่นำแนวคิดดังกล่าวมาใช้ โดยมีการบริหารจัดการในลักษณะของวิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งเน้นการบริหารจัดการให้มีความยั่งยืนทั้งการมีเงินทุนจากการทำงานและการคืนคุณค่าสู่สังคม ซึ่งคล้ายกับแนวทางขององค์การภาคประชาสังคมในสหรัฐฯ ที่ต้องการความสามารถในการจัดหาแหล่งรายได้และรักษาความมั่นคงในระยะยาวผ่านการจัดทำโครงการเพื่อส่งเสริมธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบ รวมถึงการให้คำปรึกษาและพัฒนาเครื่องมือเพื่อสนับสนุนทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วมในการสร้างกลไกต้านโกงผ่านงานวิชาการและการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์

การดำเนินงานขององค์การภาคประชาสังคมที่ทำงานต่อต้านคอร์รัปชันในสหรัฐฯ ที่ปรับใช้รูปแบบการจัดการทางการเงินแบบภาคเอกชนทำให้เห็นว่า “การต่อต้านคอร์รัปชันสามารถเริ่มต้นและดำเนินงานได้จากภาคประชาสังคม” ซึ่งภาคประชาสังคมมีบทบาทสำคัญในการสร้างความยั่งยืนและความมั่นคงในการดำเนินงานผ่านการหาแหล่งรายได้ที่หลากหลายและการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ การพัฒนากลไกการจัดการทางการเงินแบบธุรกิจที่สามารถทำกำไรและการร่วมมือกับองค์กรเอกชนเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้องค์กรภาคประชาสังคมสามารถต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชันได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง โดยการปรับใช้แนวคิดการทำงานแบบเอกชนยังช่วยให้องค์กรเหล่านี้สามารถรักษาความเป็นอิสระในการดำเนินงาน และไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรจากภายนอกเพียงอย่างเดียว

ในครั้งนี้เราจะเห็นว่า “ภาคประชาสังคม” ที่ทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันนั้นอาจต้องมีการปรับตัวสู่การเป็นภาคเอกชนเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างยั่งยืน แล้วในตอนถัดไปจะเป็นเรื่องอะไร ? ติดตามตอนต่อไปได้ใน “KRAC The Experience” ที่ KRAC Corruption เพื่อร่วมเรียนรู้การนำข้อมูลเปิดมาใช้ในการต่อต้านคอร์รัปชันไปด้วยกัน

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
22 ธันวาคม 2567
ผู้แต่ง

ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค

หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

เปลี่ยน Trainees เป็น Rookies ตัวท็อปของวงการ : ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 เพื่อปูพื้นฐานการต่อต้านคอร์รัปชัน

ชวนอ่าน Anti-Corruption 101 ที่จะช่วยปูพื้นฐานความรู้ในเรื่องการคอร์รัปชัน ผ่านแนวคิดทางวิชาการ และเรียนรู้แนวทางการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีเนื้อหาเข้าใจง่ายสำหรับทุกคน

คัดสรรงานวิจัยไทยต่อต้านคอร์รัปชัน ที่คุณอาจไม่รู้ (จัก) มาก่อน : ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทย 24 ชิ้น เพื่อทำความเข้าใจการต่อต้านคอร์รัปชัน

ชวนอ่านสรุปงานวิจัยไทยที่ KRAC คัดสรรมาให้คุณ เพื่อจะทำให้คุณเข้าใจปัญหา และวิธีการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันภายใต้บริบทของประเทศไทย

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ท้องถิ่นอาจช้ำ เมื่อความเหลื่อมล้ำถูกซ้ำด้วยการจัดสรรงบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ

รู้หรือไม่ ? การจัดสรรเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางที่ไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และขาดเป้าหมายชัดเจน อาจกลายเป็นการเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในท้องถิ่น แทนที่จะช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ?

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | โควิด-19 ส่งผลอย่างไรต่อสถานการณ์คอร์รัปชันและธรรมาภิบาล ?

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สุขภาพและเศรษฐกิจ แต่ยังทำให้การต่อต้านคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ เช่น การใช้อำนาจพิเศษของรัฐ ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้น และการจัดซื้อจัดจ้างแบบฉุกเฉินที่เสี่ยงต่อการทุจริต แล้วเราจะฟื้นฟูผลกระทบเหล่านี้ได้อย่างไร ?

KRAC The Experience | EP 8: Networks is in every way, Offline and Online Against Corruption

“การทำงานเป็นเครือข่ายจะช่วยเสริมสร้างการทำงานต่อต้านคอร์รัปชันอย่างไร ?” เรามีคำตอบมาให้จากแนวทางการขับเคลื่อนการต่อต้านคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในระดับโลก🌏 ร่วมไขข้อสงสัยได้ที่ KRAC The Experience ตอน Networks is in every way, Offline and Online Against Corruption