โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (Phase 2)

เพื่อสร้างตัวชี้วัดสำหรับการประเมินและติดตามการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารจัดการขององค์กรในประเทศไทย พบว่า มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ในระดับมาก และยังสามารถปรับปรุงดัชนีชี้วัดบางตัวเพื่อให้สอดคล้องการทำงานของแต่ละหน่วยงานได้

การประเมินและติดตามการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารจัดการของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในประเทศไทยอย่างมีมาตรฐานและต่อเนื่อง จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาวิจัยเพื่อสร้างกรอบหลักเกณฑ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจนและเป็นกลาง ซึ่งสามารถนำใช้ประกอบการติดตามและประเมินผลการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในองค์กรภาครัฐทุกระดับของประเทศไทย

จากสาเหตุดังกล่าวจึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ

  1. ศึกษา Platform ตัวชี้วัดและเกณฑ์ของ Good Governance Mapping ในการนำหลักธรรมาภิบาลไปปฏิบัติขององค์กรภาครัฐ ภาคท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน (ธุรกิจ) และองค์กรไม่แสวงผลกำไร ในประเทศไทย
  2. สร้างและจัดทำ Platform ตัวชี้วัดและเกณฑ์ของ Good Governance Mapping ที่เป็นมาตรฐานในการติดตามความก้าวหน้าขององค์กรภาครัฐ ภาคท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน (ธุรกิจ) และองค์กรไม่แสวงผลกาไร ตามหลักธรรมาภิบาลในประเทศไทยสำหรับรองรับการสร้างฐานข้อมูลด้านธรรมาภิบาลที่เป็นมาตรฐาน และสามารถเชื่อมโยงกับระบบฐานข้อมูล Good Governance Mapping ของสถาบันพระปกเกล้า 

ผลการศึกษา พบว่า ตัวชี้วัดและเกณฑ์ของ Good Governance Mapping ที่เป็นมาตรฐานในการติดตามความก้าวหน้าของการนำหลักธรรมาภิบาลไปปฏิบัติขององค์กรในประเทศไทย มี 6 องค์ประกอบ คือ 1) หลักนิติธรรม 2) หลักคุณธรรม 3) หลักความโปร่งใส 4) หลักการมีส่วนร่วม 5) หลักสำนึกรับผิดชอบ และ 6) หลักความคุ้มค่า

ประเด็นสำคัญของงานวิจัย

การนำหลักธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นหลักการบริหารจัดการที่สามารถทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน มาใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาการทุจริตในประเทศไทย จำเป็นต้องมีตัวชี้วัดที่เหมาะสมและเชื่อถือได้เพื่อให้เกิดความถูกต้องในการนำไปใช้

  • การวิจัยนี้ ได้แบ่งระยะการวิจัยออกเป็น 4 ระยะ โดยระยะที่ 1 เป็นการวิจัยเพื่อสร้างกรอบแนวคิดของการวิจัยจากการทบทวนแนวคิดงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถสรุปองค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาลได้ดังนี้ (1) หลักนิติธรรม (2)หลักคุณธรรม (3) หลักความโปร่งใส (4) หลักการมีส่วนร่วม (5) หลักสำนึกรับผิดชอบ (6) หลักความคุ้มค่า หลักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (8) หลักองค์กรแห่งการเรียนรู้ (9) หลักการบริหารจัดการ และ (10) หลักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งแต่ละองค์ประกอบ จะมีตัวชี้วัดที่ใช้ตามแต่ละองค์ประกอบ
  • ระยะที่ 2 เป็นการวิจัยเพื่อพัฒนาตัวชี้วัดและพิจารณาคุณภาพของตัวชี้วัด โดยใช้แบบสัมภาษณ์เชิงคุณภาพในกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ และนักวิชาการ จำนวน 12 คน และแบบสอบถามเชิงปริมาณในกลุ่มผู้บริหารสูงสุดหรือตัวแทนขององค์กรที่ได้รับรางวัลธรรมาภิบาล จำนวน 40 คน พบว่า คุณภาพของตัวชี้วัดที่กำหนดทั้งในด้านความเหมาะสม ความเป็นไปได้ ความสอดคล้อง และความเป็นประโยชน์อยู่ในระดับมาก-มากที่สุด และจากการสำรวจเชิงปริมาณในกลุ่มบุคลากรขององค์กรได้รับรางวัลด้านธรรมาภิบาลเพื่อยืนยันความเหมาะสมของตัวชี้วัดฯ จำนวน 260 คน ในระยะที่ 3 ก็พบว่า ความเหมาะสมขององค์ประกอบทั้ง 10 องค์ประกอบอยู่ในระดับมาก
  • และระยะที่ 4 เป็นการวิจัยเพื่อการสร้าง Platform ตัวชี้วัดมาตรฐานของ Good Governance Mapping จากผลการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบหลักธรรมาภิบาล พบว่า องค์ประกอบหลักธรรมาภิบาลที่มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างกันตั้งแต่ 0.90 ขึ้นไปมีจำนวน 4 องค์ประกอบ ได้แก่ องค์ประกอบหลักการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ องค์ประกอบหลักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ องค์ประกอบหลักการบริหาร และองค์ประกอบหลักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ดังนั้น จึงควรรวมองค์ประกอบหลักการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้เข้าไว้ในองค์ประกอบหลักคุณธรรม ควรรวมองค์ประกอบหลักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เข้าไว้ในองค์ประกอบหลักสำนึกรับผิดชอบ และควรรวมองค์ประกอบหลักการบริหารจัดการและองค์ประกอบหลักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้าไว้ในองค์ประกอบหลักความคุ้มค่าเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการวัดผล จากผลการวิเคราะห์นี้ สรุปว่าองค์ประกอบที่ใช้ใน Platform ตัวชี้วัดมาตรฐานของ Good Governance Mapping ในการติดตามและประเมินผลองค์กรของไทย มีทั้งสิ้น 6 องค์ประกอบ

คณะผู้วิจัย ได้จัดทำข้อเสนอแนะ ดังนี้ 

  1. การจัดทำตัวชี้วัดธรรมาภิบาลการบริหารจัดการครั้งนี้ ประกอบด้วยตัวชี้วัดทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ ซึ่งเป็นการประเมินจากผู้บริหาร หัวหน้ากลุ่มงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น หากมีการพัฒนาตัวชี้วัดฯ ในอนาคต ควรพิจารณามุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มอื่นเพิ่มเติม
  2. ความยืดหยุ่นของเกณฑ์การให้ค่าคะแนนของตัวชี้วัด โดยผู้นำไปใช้งานสามารถปรับเปลี่ยน เกณฑ์การให้ค่าคะแนนของตัวชี้วัด เกณฑ์การแปลผลค่า คะแนนการประเมิน เช่น อาจทำให้อยู่ในรูปของแบบมาตราส่วนประมาณค่า ทั้งนี้ การใช้รูปแบบของเกณฑ์ดังกล่าวควรมีลักษณะ/รูปแบบเดียวกันทั้งหมด เพื่อความ สะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูลและการเปรียบเทียบผลการประเมิน
  3. การปรับปรุงดัชนีชี้วัดในอนาคต โดยภาพรวมแล้วดัชนีชี้วัดที่จัดทำขึ้นในงานวิจัยครั้งนี้ สามารถใช้ได้กับองค์กรทั้งในระดับหน่วยงาน กลุ่มงาน และระดับภาพรวม อย่างไรก็ตาม ผู้ที่นำดัชนีชี้วัดไปใช้สามารถปรับปรุงดัชนีบางตัวเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจหลักของแต่ละองค์กร
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

ปิยากร หวังมหาพร และคณะ. (2563). โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (Phase 2). มหาวิทยาลัยศรีปทุม.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2563
ผู้แต่ง

ปิยากร หวังมหาพร และคณะ

หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570

ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต

โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน

เพื่อออกแบบงานวิจัยสำหรับแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาระบบและเครื่องมือใหม่ในการป้องกันและลดคอร์รัปชันในระดับพื้นที่

โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2

จัดทำข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเน้นแนวทางการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันจากมุมมองของประชาชน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เต็มรูปแบบ

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ท้องถิ่นอาจช้ำ เมื่อความเหลื่อมล้ำถูกซ้ำด้วยการจัดสรรงบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ

รู้หรือไม่ ? การจัดสรรเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลางที่ไม่เป็นธรรม ไม่โปร่งใส และขาดเป้าหมายชัดเจน อาจกลายเป็นการเพิ่มปัญหาความเหลื่อมล้ำในท้องถิ่น แทนที่จะช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ?

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | โควิด-19 ส่งผลอย่างไรต่อสถานการณ์คอร์รัปชันและธรรมาภิบาล ?

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สุขภาพและเศรษฐกิจ แต่ยังทำให้การต่อต้านคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ เช่น การใช้อำนาจพิเศษของรัฐ ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้น และการจัดซื้อจัดจ้างแบบฉุกเฉินที่เสี่ยงต่อการทุจริต แล้วเราจะฟื้นฟูผลกระทบเหล่านี้ได้อย่างไร ?

KRAC The Experience | EP 8: Networks is in every way, Offline and Online Against Corruption

“การทำงานเป็นเครือข่ายจะช่วยเสริมสร้างการทำงานต่อต้านคอร์รัปชันอย่างไร ?” เรามีคำตอบมาให้จากแนวทางการขับเคลื่อนการต่อต้านคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในระดับโลก🌏 ร่วมไขข้อสงสัยได้ที่ KRAC The Experience ตอน Networks is in every way, Offline and Online Against Corruption