บทความวิจัย | การพัฒนาระบบบริหารสหกรณ์โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน

การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาพัฒนาระบบบริหารและจัดการสหกรณ์ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดโอกาสการทุจริตของเจ้าหน้าที่สหกรณ์หรือผู้มีอำนาจในสหกรณ์ได้ อีกทั้งยังก้าวข้ามขีดจำกัดทางระยะทางผ่านระบบอยู่บนเครือข่ายแบบ peer to peer และการใช้สกุลเงินกลาง

 

บทความนี้นำเสนอการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาพัฒนาระบบบริหารและจัดการสหกรณ์  เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและตรวจสอบได้ขององค์กร ลดโอกาสการทุจริตของเจ้าหน้าที่สหกรณ์หรือผู้มีอำนาจในสหกรณ์มิให้สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่าง โดยพลการได้ ระบบสหกรณ์บนบล็อกเชนยังสามารถขยายขอบเขตให้สามารถลงทะเบียนเป็นสมาชิกได้แม้อยู่ในที่ห่างไกลหรือคนละซีกโลกไม่จำเป็นต้องอยู่ในชุมชนเดียวกันเช่นในปัจจุบันเท่านั้น เนื่องจากระบบอยู่บนเครือข่ายแบบ peer to peer และการใช้สกุลเงินกลางในการแลกเปลี่ยนมิใช่สกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่ง 

 

ระบบบล็อกเชนที่นำเสนอในบทความนี้ มีฟังก์ชั่นหลัก ๆ คือ สามารถคำนวนดอกเบี้ยรายปีแบบอัตโนมัติในกับสมาชิกผู้ถือหุ้น สมาชิกสามารถโอนหุ้นได้โดยผ่านระบบบล็อกเชนได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องผ่านบุคลากรขององค์กร ในกรณีที่สมาชิกสมัครเข้าโครงการฌาปณกิจ ระบบจะทำธุรกรรมอัตโนมัติต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดไว้ในโครงการนั้นโดยไม่ต้องมีบุคลากรทางการเรี่ยไรจากสมาชิก และระบบสามารถโอนหุ้นอัติโนมัติให้ผู้รับมรดกเมื่อสมาชิกได้เสียชีวิตลง 

 

จากผลการศึกษา สรุปได้ว่าการพัฒนาระบบบริหารสหกรณ์โดยบล็อกเชนสามารถทํางานได้เช่นเดียวกันกับการพัฒนาระบบด้วยระบบแบบดั้งเดิม แต่ด้วยความสามารถของบล็อกเชนจึงมั่นใจว่าระบบที่นําเสนอนี้จะสามารถลดปัญหาของสหกรณ์ เช่น ปัญหาการทําทุจริตในองค์กร ปัญหาการให้บริการที่ยากในการข้ามพื้นที่หรือข้ามประเทศได้ ในอนาคตระบบจะสามารถเพิ่มฟังก์ชันอื่น ที่จําเป็นต่อการบริหารสหกรณ์เข้ามา เช่น ระบบการจัดการการโหวต ระบบจัดการการกู้ยืม เป็นต้น 

 

เอกสารอ้างอิง

รูปแบบ APA

นันทา จันทร์พิทักษ์ และรัฐพล มณฑา. (2562). การพัฒนาระบบบริหารสหกรณ์โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน. วารสารวิทยาการและเทคโนโลยีสารสนเทศ, 9(2), 1-12.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2562
ผู้แต่ง
  • นันทา จันทร์พิทักษ์  
  • รัฐพล มณฑา 
วารสารที่ตีพิมพ์

หัวข้อ
Related Content

โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570

ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต

โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป

โครงการวิจัยการศึกษาแนวทางความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

นำเสนอแนวคิดและกิจกรรมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ป.ป.ช. ในการแก้ไขปัญหาการทุจริต และเสนอแนวทางการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันผ่านกระบวนการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

You might also like...

KRAC Insight | การเพิ่มขีดความสามารถภาครัฐ และลดคอร์รัปชัน ในฐานะ “นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม”

KRAC ชวนทุกท่านร่วมเจาะลึกนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก

KRAC Insight x C4 Centre | ความเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชันที่แฝงอยู่ในรูปแบบของการจัดซื้อจัดจ้างที่หลากหลาย

รู้หรือไม่? การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีหลายรูปแบบ และในแต่ละรูปแบบก็ซ่อน “ความเสี่ยงคอร์รัปชัน” ไว้ต่างกัน! KRAC ร่วมกับ C4 Centre มาเลเซีย เปิดเผยประเด็นร้อนจากเวทีประชุมระดับภูมิภาค SEA-ACN ว่าความเสี่ยงคอร์รัปชันซ่อนอยู่ใน PPP, PFI, G2G, Strategic Partnership รวมถึงการจัดซื้อในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย

KRAC Extract | คอร์รัปชันหลังเเผ่นดินไหว: โอกาสแห่งการฟื้นตัวหรือประตูสู่การทุจริต

คอร์รัปชันหลังแผ่นดินไหว…เมื่อเงินฟื้นฟูหลั่งไหล แต่ความโปร่งใสกลับหายไป! กรณีศึกษาจากตุรกี ที่เผยให้เห็นว่าภัยพิบัติอาจเปิดช่องให้การทุจริตแทรกซึมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการหลังภัยพิบัติ บทเรียนนี้ไม่ใช่แค่ของต่างประเทศ แต่คือสัญญาณเตือนที่ไทยก็ต้องระวังเช่นกัน!