บทความวิจัย | แนวทางการเสริมสร้างความรู้และควบคุมคอร์รัปชันภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี

ประชาชนเป็นกุญแจสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน จึงต้องกําหนดวิธีการประสานความร่วมมือจากตัวแทนภาคประชาชนทุกระดับของท้องถิ่น และจัดให้มีระบบกลไกการตรวจสอบภายในจากภาคประชาชน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น

 

วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ มุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างความร่วมมือและควบคุมการทุจริตในภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี เพื่อศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อการเสริมสร้างความร่วมมือและการควบคุมการคอร์รัปชันในประชาชน และศึกษาวิธีการที่ภาคประชาชนดำเนินการเพื่อพัฒนาความร่วมมือและการควบคุมการทุจริตในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับปัญหาทุจริตในจังหวัดเพชรบุรี โดยเน้นการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสาร การจัดกระบวนการวิจัยด้วยการพรรณนา และการบูรณาการข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ในพื้นที่การศึกษาที่กําหนดไว้

 

ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสริมสร้างความร่วมมือและควบคุมการทุจริตในภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี ได้แก่ การมีสำนึกความเป็นพลเมืองดีและวุฒิภาวะที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ประชาชนมีบทบาทในการตรวจสอบการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ผ่านชุมชนเครือข่ายต่อต้านการทุจริต โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการตรวจสอบจากทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการยกย่องบุคคลดีเด่นในระดับชุมชน

 

สำหรับแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือและควบคุมการทุจริตในภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี คือ ภาคประชาชนควรให้ความสนใจในปัญหาของชุมชน และศึกษากฎหมายรวมถึงระเบียบปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้ง ควรมีการประสานความร่วมมือระหว่างตัวแทนภาคประชาชนทุกระดับ โดยจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อดำเนินตามวัตถุประสงค์ พร้อมสร้างกลไกการตรวจสอบท้องถิ่นที่เป็นระบบ ผ่านกิจกรรมร่วมกัน เช่น การประชุม สัมมนา และการรณรงค์ รวมถึงการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่

เอกสารอ้างอิง

รูปแบบ APA

อนุชา พละกุล. (2561). แนวทางการเสริมสร้างความรู้และควบคุมคอร์รัปชั่นภาคประชาชนจังหวัดเพชรบุรี. Journal of Modern Learning Development, 1(2), 4856.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2561
ผู้แต่ง

อนุชา พละกุล 

วารสารที่ตีพิมพ์

หัวข้อ
Related Content

โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน

เพื่อออกแบบงานวิจัยสำหรับแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาระบบและเครื่องมือใหม่ในการป้องกันและลดคอร์รัปชันในระดับพื้นที่

โครงการวิจัยเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน ระยะที่ 2

จัดทำข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเน้นแนวทางการวิจัยเพื่อทำความเข้าใจปัญหาคอร์รัปชันจากมุมมองของประชาชน ด้วยกระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการอย่างมีส่วนร่วม (PAR) และกระบวนการ Design Thinking เต็มรูปแบบ

โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (Phase 2)

การศึกษาเพื่อสร้างตัวชี้วัดสำหรับการประเมินและติดตามการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารจัดการขององค์กรในประเทศไทย พบว่า มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ในระดับมาก และยังสามารถปรับปรุงดัชนีชี้วัดบางตัวเพื่อให้สอดคล้องการทำงานของแต่ละหน่วยงานได้

You might also like...

KRAC Insight | การเพิ่มขีดความสามารถภาครัฐ และลดคอร์รัปชัน ในฐานะ “นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม”

KRAC ชวนทุกท่านร่วมเจาะลึกนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก

KRAC Insight x C4 Centre | ความเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชันที่แฝงอยู่ในรูปแบบของการจัดซื้อจัดจ้างที่หลากหลาย

รู้หรือไม่? การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีหลายรูปแบบ และในแต่ละรูปแบบก็ซ่อน “ความเสี่ยงคอร์รัปชัน” ไว้ต่างกัน! KRAC ร่วมกับ C4 Centre มาเลเซีย เปิดเผยประเด็นร้อนจากเวทีประชุมระดับภูมิภาค SEA-ACN ว่าความเสี่ยงคอร์รัปชันซ่อนอยู่ใน PPP, PFI, G2G, Strategic Partnership รวมถึงการจัดซื้อในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย

KRAC Extract | คอร์รัปชันหลังเเผ่นดินไหว: โอกาสแห่งการฟื้นตัวหรือประตูสู่การทุจริต

คอร์รัปชันหลังแผ่นดินไหว…เมื่อเงินฟื้นฟูหลั่งไหล แต่ความโปร่งใสกลับหายไป! กรณีศึกษาจากตุรกี ที่เผยให้เห็นว่าภัยพิบัติอาจเปิดช่องให้การทุจริตแทรกซึมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการหลังภัยพิบัติ บทเรียนนี้ไม่ใช่แค่ของต่างประเทศ แต่คือสัญญาณเตือนที่ไทยก็ต้องระวังเช่นกัน!