แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : ซื้อขายตำแหน่ง แก้กันมา 30 ปียิ่งหนักกว่าเดิม !

เมื่อ 6 ปีก่อน เราเคยเขียนบทความเรื่อง “ซื้อขายตำแหน่งคือต้นตอใหญ่ของคอร์รัปชัน” ว่าตอนนั้นปัญหานี้รุนแรงมากมายาวนานขนาดที่ ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เคยกล่าวไว้ว่า มีมานานกว่า 3 ทศวรรษแล้ว โดยมีความหวังว่าสักวันจะได้มีโอกาสเขียนบทความสืบต่อจากวันนั้นว่า “ซื้อขายตำแหน่งคือต้นตอใหญ่ของคอร์รัปชัน (ตอนจบ)” แต่เมื่อมาดูสถานการณ์ล่าสุดในทุกวันนี้ของประเทศไทยที่การซื้อขายตำแหน่งกลับยิ่งระบาดและแพร่หลายไปแทบทุกหน่วยงานราชการแล้ว ทำให้เราต้องกลับมาเขียนเรื่องนี้อีกรอบ โดยตั้งชื่อให้แรงกว่าเดิมอีกว่า “ซื้อขายตำแหน่งแก้กันมา 30 ปียิ่งหนักกว่าเดิม !”

ย้อนกลับไปที่บทความเมื่อ 6 ปีที่แล้วสักหน่อยในวันนั้นเราได้กล่าวถึงงานวิจัยเรื่อง “ปัญหาคอร์รัปชันในวงการตำรวจ” โดยคณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ด้วยการสนับสนุนทุนวิจัยจากสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สมัยที่ 1 ที่มี คุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานฯ ผลการวิจัยพบว่า ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ทำงานประจำสถานีตำรวจต่างๆ ในกรุงเทพมหานครมีหน้าที่ที่ไม่เป็นทางการอีกหน้าที่หนึ่ง นั่นก็คือการเก็บส่วยจากธุรกิจเอกชน ที่จำเป็นต้องจ่ายค่าคุ้มครองจากการทำธุรกิจสีเทา เช่น ธุรกิจบันเทิงที่เปิดเกินเวลาตามกฎหมาย จนถึงธุรกิจผิดกฎหมายเช่น บ่อนการพนันต่างๆ

 

ข้อค้นพบนี้สอดคล้องกับข้อมูลอีกชุดหนึ่งของรองศาสตราจารย์ ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ที่ออกมาเปิดเผยเป็นรายแรกๆ ถึงตัวเลขเกี่ยวกับธุรกิจนอกกฎหมายที่เรียกว่า “เศรษฐกิจใต้ดิน” ที่มีมูลค่ามหาศาลถึงปีละกว่า 5 แสนล้านบาท โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจกำกับดูแล รู้เห็นเป็นใจด้วย

มาถึงวันนี้มาวันนี้ ปัญหาดูจะรุนแรงและกว้างขวางมากกว่าเดิม กระจายไปถึง การจ่ายเงินให้รับเข้าทำงาน การจ่ายเงินเพื่อให้ได้ชนะในการสอบคัดเลือกต่างๆ การจ่ายเงินเพื่อให้ได้ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานที่มีอำนาจสูงในการหารายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายในเขตของตน การจ่ายเงินซื้อคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งการเมืองทุกระดับ ตั้งแต่ระดับ ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ. เทศบาลเมือง ขึ้นไปจนถึง ระดับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การจ่ายเงินเพื่อเข้าทำงานในรัฐวิสาหกิจ การจ่ายเงินแก่หัวหน้าหน่วยราชการเพื่อรักษาตำแหน่งไว้ ไม่ให้ถูกโยกย้าย และอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อมีการซื้อขายตำแหน่งเช่นนี้มาเป็นระยะเวลายาวนาน ข้าราชการจำนวนหนึ่งจึงเข้ามาได้ด้วยเงินก้อนใหญ่ตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลายสิบล้านบาท เริ่มด้วยการทุจริตมาตั้งแต่เริ่มต้น ผลก็คือข้าราชการเหล่านี้ ส่วนใหญ่จำเป็นต้องไปหาเงินมาชดใช้เงินที่กู้มา หรือต้องใช้ตำแหน่งหาเงินมาให้คุ้มกับที่ลงทุนไป ก็จะพบว่ามีการออกตระเวนนอกสถานที่ทำการเพื่อหาเงิน ตามที่มีข่าวหน่วยงานที่ไม่เคยมีข่าวทุจริตมาก่อน เช่น กรณีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯที่เรียกรับเงินจากลูกน้องอย่างโจ่งแจ้ง ที่ต้องติดตามกันดูต่อไปว่าจะโยงความผิดนี้ไปได้ถึงไหนบ้าง

อีกกรณีที่เกิดขึ้น ที่น่าตกใจ ก็คือกรณีผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังหลายแห่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญและมีเกียรติสูง ผู้มาดำรงตำแหน่งควรมีประสบการณ์และผลงานทางด้านการบริหารโรงเรียนให้ก้าวหน้าในด้านวิชาการ แต่ในระยะหลังกลับปรากฏว่าโรงเรียนชื่อดังต่างๆ มักจะได้ผู้อำนวยการมาจากโรงเรียนเดิมที่มีชื่อเสียงในความชำนาญในการหาเงินรายได้พิเศษจากนักเรียน เมื่อมาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนใหญ่แล้ว ก็มักจะทำโครงการก่อสร้างอาคารเรียนใหม่ล่าสุดมีโรงเรียนดังแห่งหนึ่งไม่มีพื้นที่ให้สร้างตึกเรียนแล้ว จึงคิดโครงการสร้างพระพุทธรูป แล้วออกใบเรี่ยไรให้อาจารย์ นักเรียน และผู้ปกครองมาร่วมบริจาคสร้างพระ จนในที่สุดอาจารย์และศิษย์เก่าก็ร่วมกันร้องเรียน จนต้องหยุดไป

ไม่ต้องพูดถึงกรณีตำรวจตั้งด่านตรวจ รีดเงินนั้น เรายอมรับกันว่าเป็นปกติแล้ว! แต่ที่เพิ่งจะได้ยินมาใหม่คือ กรณีของกลางที่ถูกยึดมา เช่น รถยนต์สปอร์ตราคาแพง สามารถใช้เงินใส่ถุงกระดาษเดินเข้าไปในโรงพักเอาไปวางไว้บนโต๊ะผู้มีอำนาจเซ็นปล่อยรถคืนไปได้ ที่แปลกก็คือโรงพักนี้ปล่อยให้มีการถ่ายรูปจากคนที่ถือเงินมาวางและปล่อยให้มีการบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิดของโรงพักเป็นหลักฐานออกสู่สาธารณชนได้เห็นกันทั่วไปทั้งนี้โดยไม่เกรงใครเลยในขณะเดียวกันตำรวจก็เริ่มมีทีท่ายินยอมให้ประกันผู้ต้องหาก็มีทีท่าว่าผู้ต้องหาในคดีเปิดสถานบันเทิงที่มีบริการยาเสพติดออกไปหลายราย และมีทีท่าว่าคดีนี้จะทำสำนวนให้อ่อน เพื่อจะถูกยกฟ้องไปอีก

ดูเหมือนที่นาย “ตู้ห่าว” หัวหน้าใหญ่ของขบวนการอาชีพธุรกิจสีเทาได้กล่าวในคลิป ไว้ว่า “เมืองไทย มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง” และ “กูฆ่าได้ มีคนไทยตาย ไม่มีใครทำอะไรได้” จะเป็นเรื่องจริงที่น่าเศร้า

ทางแก้นั้น มีหลายประเทศทำได้ ศาสตราจารย์ ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เคยยกบทเรียนการปฏิรูปตำรวจฮ่องกงมาเล่าให้ฟังว่า“…กรณีที่ฮ่องกงคือ ตำรวจระดับล่าง เก็บส่วยจากสิ่งผิดกฎหมาย แม้กระทั่งหาบเร่แผงลอยบนท้องถนน โสเภณี บาร์เปิดนอกเวลา ธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ คือ มีการเก็บส่วยแล้วส่งไปถึงอธิบดีตำรวจของฮ่องกง ก็เกิดขึ้นเป็นเวลานานอธิบดีก็ร่ำรวยมหาศาล นำเงินไปฝากไว้นอกประเทศ เรื่องแดงขึ้นมาเพราะว่า หลังจากที่ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มมีคนหนีออกมาเพื่อหาอาชีพนอกประเทศจีน ก็มาที่ฮ่องกงกันมาก ก็มาเป็นพวกหาบเร่แผงลอย มาถูกตำรวจเก็บเงิน แต่ว่าคนที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นพวกที่มีความตื่นตัวทางการเมืองสูงกว่าคนทั่วๆ ไป ก็ไม่ยอม แล้วก็ฐานะคงไม่ดีด้วย เขาก็ไม่ยอม ก็ออกมาร้องเรียนกันบนท้องถนน แล้วก็เป็นเรื่องเป็นราวมาก จนรัฐบาลอังกฤษซึ่งยังปกครองฮ่องกงอยู่ในขณะนั้นต้องส่งทหารลงมาช่วยดูแลการจลาจลที่เกิดขึ้น…”

จนในที่สุดฮ่องกงก็สามารถปฏิรูประบบของเขาได้ จนปัจจุบัน ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่มีการคอร์รัปชันต่ำที่สุดในโลก จากข้อมูลของอาจารย์ผาสุก จะเห็นได้ว่ามีปัจจัยสำคัญอย่างน้อย 2 ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จของฮ่องกง นั่นคือ หนึ่ง ความตื่นตัวของประชาชน และ สอง การปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายในส่วนเศรษฐกิจใต้ดิน

คุณอานันท์ ปันยารชุน ได้พูดเมื่อเร็วๆ นี้ กับอดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ชุดที่ 1 ซึ่งคุณอานันท์ เป็นประธานฯ ตอบคำถามที่สมาชิกท่านหนึ่งถามว่าอยากได้ความเห็นคุณอานันท์ เกี่ยวกับประชาธิปไตยไทยในวันนี้ คุณอานันท์ ตอบว่า “ไม่เห็นอนาคต เพราะประเทศไทยยังหลงอยู่กับที่ว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งเท่านั้น ความสำคัญของประชาธิปไตย อยู่ที่การมีการปกครองที่มีธรรมาภิบาล และต้องมีความโปร่งใส”

อย่างไรก็ตาม คุณอานันท์ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า“ผมต้องพูดว่าไม่มีความหวังแล้ว เพราะผมวันนี้มีอายุ90 ปีแล้ว แต่ผมยังมีความหวังกับคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพที่ผมได้พบปะพูดคุยด้วย”

ดังนั้น วันนี้เราได้เห็นปัญหาที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว และ ได้รับทราบแนวทางแก้ไขป้องกันแล้วเช่นกัน เราก็ขอเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนตื่นตัวกับปัญหานี้อย่างจริงจัง กดดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำแนวทางแก้ไขไปปฏิบัติใช้จริงกันเสียที และคอยเป็นหูเป็นตาให้กับสังคมไทยโดยวันนี้
หากท่านพบเจอเหตุการณ์ซื้อขายตำแหน่งเช่นนี้ สามารถส่งเรื่องราวและหลักฐานมาได้ที่ Line @corruptionwatch ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน เพื่อความปลอดภัยของผู้ร้องเรียน โดยเรื่องร้องเรียนต่างๆ จะถูกส่งต่อถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนสอบสวนโดยตรงครับ

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2566
ผู้แต่ง
  • รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค
  • ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
หน่วยงานสนับสนุน

หัวข้อ
Related Content

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : เปิดผลดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันล่าสุด ไทยยังอาการหนัก เหมือนเดิม!

จากการที่องค์กรความโปร่งใสนานาชาติ หรือ Transparency International (TI) ได้เปิดเผยผลดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน หรือ Corruption Perception Index (CPI) ของปี 2023 เมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ผลในปีนี้ไทยได้คะแนน 35 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน คิดเป็นอันดับที่ 108 จาก 180 ประเทศทั่วโลกที่ได้รับการประเมิน ซึ่งหากเทียบกับผลในปี 2022 ที่ไทยได้ 36 คะแนน และอยู่ในลำดับที่ 101 ก็จะเห็นได้ว่าคะแนน CPI ไม่ดีขึ้นเลย

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : อำนาจที่ประชาชนเลือกมอบให้ใครก็ได้ ทำยังไงไม่ให้ไปตกอยู่กับคนโกง

ทุกคนรู้ไหมว่า ถ้าเราช่วยกันสอดส่อง ผู้แทนที่เราเลือกก็จะทุจริตได้ยากขึ้น จากกรณีกำนันนกที่เป็นข่าวดังเมื่อเดือนก่อนถือเป็นตัวอย่างของผู้ที่ใช้อำนาจที่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในท้องถิ่นในทางที่ผิด เพราะหลังจากได้รับเลือกตั้งเป็นกำนัน เขาได้รับโครงการก่อสร้างจากงบประมาณเกือบทั้งหมดที่ส่งมาพัฒนาจังหวัดทำให้สามารถใช้เงินซื้ออำนาจรัฐที่เอื้อให้เกิดระบบอุปถัมภ์ แถมยังทำให้ตำรวจบางคนมาอยู่ใต้อำนาจ และอยู่เหนือกฎหมายได้

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : อยากแก้ปัญหาปากท้องก่อน แต่ถ้าไม่ปฏิรูปตำรวจ ก็แก้ยาก !

ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มืดเทา อาจเป็นคำนิยามวงการตำรวจไทยในปัจจุบัน ? หากเราพูดถึงวงการตำรวจ หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงเรื่องที่ตำรวจดันไปเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมกับการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นกรณีหมูเถื่อน กำนันนก ทุนจีนสีเทา หรือข่าวอาชญากรรมต่าง ๆ แทนที่จะมองว่า ตำรวจคือผู้ที่รักษาความสงบให้บ้านเมือง และคุ้มครองประชาชนให้รู้สึกปลอดภัย

You might also like...

แนวโน้มการฟอกเงินในประเทศไทย: ศึกษาเฉพาะกรณีการฟอกเงินผ่านนิติบุคคล และธุรกิจบังหน้า ทนายความและนักบัญชี บริษัทนำเที่ยว ทรัสต์ต่างประเทศที่ดำเนินการในประเทศไทย การเล่นแชร์ที่มีการฉ้อโกงและการฟอกเงินผ่านองค์กรไม่แสวงหากำไร 

เมื่อการฟอกเงินเป็นปัญหาร้ายแรงที่ยังคงแพร่หลายในสังคมไทย การแก้ไขปัญหาจึงต้องลองศึกษาแนวทางที่ประสบความสำเร็จจากต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ยุุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชน

จากการวิเคราะห์ TOWS Matrix 4 ของโครงการต่าง ๆ ของรัฐ สามารถพัฒนาเป็นโมเดลยุทธศาสตร์ เพื่อช่วยลดปัญหาคอร์รัปชันในโครงการพัฒนาของรัฐระดับชุมชนได้

ปัจจัยที่กำหนดการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล

เมื่อการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นสัมพันธ์กับการเมืองระดับชาติ เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและพรรคการเมืองอยู่ในรูปแบบความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ปัญหาการทุจริตจึงฝังรากลึกอยู่ในการเลือกตั้งทุกระดับ