การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารราชการของกลุ่มประเทศสามเหลี่ยมทองคำ

“ธรรมาภิบาลในสามเหลี่ยมทองคำ” วิเคราะห์แนวทางการบริหารราชการของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อพัฒนาระบบราชการไทย เสริมสร้างความร่วมมือชายแดน และรักษาเสถียรภาพภูมิภาคอย่างยั่งยืน

การศึกษาวิเคราะห์การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารราชการของกลุ่มประเทศสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อส่งเสริมแนวทางการบริหารที่โปร่งใสและเป็นธรรมในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

ผลการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาระบบราชการให้ตอบสนองต่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน สนับสนุนการเสริมสร้างศักยภาพในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ รวมถึงส่งเสริมสันติภาพและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในระดับรัฐบาลและกองทัพ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ เสริมสร้างความไว้วางใจ และพัฒนากลไกความร่วมมือชายแดน ตลอดจนสนับสนุนเสถียรภาพของภูมิภาคและการจัดการปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างเป็นระบบ

จากสาเหตุดังกล่าวจึงนำมาสู่วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้ คือ 

  1. เพื่อศึกษาสภาพทั่วไปของการบริหารราชการของกลุ่มประเทศสามเหลี่ยมทองคำ
  2. เพื่อวิเคราะห์การใช้หลักธรรมาภิบาลของกลุ่มประเทศสามเหลี่ยมทองคำ
  3. เพื่อเสนอแนวทางการประยุกต์ใช้หลักธรรมภิบาลในการบริหารราชการของกลุ่มประเทศ สามเหลี่ยมทองคำ

ผลการศึกษา พบว่า การบริหารราชการในกลุ่มประเทศสามเหลี่ยมทองคำ ได้เเก่ ลาว เมียนมา และไทย มีโครงสร้างที่เน้นการปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง ควบคู่กับหลักธรรมทางพุทธศาสนาในการกำกับดูแลสังคม โดยลาวให้สิทธิท้องถิ่นภายใต้กรอบความมั่นคงของรัฐ เมียนมายึดหลักกฎหมายและแนวทางพุทธศาสนาในการบริหารชุมชน ส่วนไทยมีจุดแข็งด้านการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือสร้างนิติธรรม ทั้งสามประเทศควรเสริมสร้างความรู้และแนวทางการบริหารที่ยึดหลักธรรมาภิบาลร่วมกันเพื่อพัฒนาระบบราชการ บุคลากร และองค์กรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สรุปประเด็นสำคัญและข้อเสนอของงานวิจัย

  • ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการบริหารราชการของกลุ่มประเทศสามเหลี่ยมทองคำ เน้นหลักนิติธรรม คุณธรรม และธรรมาภิบาล โดยแต่ละประเทศใช้แนวทางที่แตกต่างกัน เช่น ลาวเน้นการรวมอำนาจ เมียนมาเน้นกฎหมายที่เข้มงวดและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ขณะที่ไทยเน้นการปฏิบัติตามกฎหมายและความร่วมมือกับภาคี โดยเฉพาะในบริบทชายแดน การนำหลักธรรมและศาสนามาเป็นแนวทางเสริมสร้างความสามัคคีและความสงบสุขในชุมชน ทั้งนี้ การบริหารที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความสมดุลระหว่างกฎหมายธรรมาภิบาล และหลักธรรมศาสนา เพื่อรองรับความหลากหลายทางชาติพันธุ์และเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชน
  • การศึกษาชี้ให้เห็นว่าการนำหลักธรรมาภิบาลตามแนวทางพระพุทธศาสนามาเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อเสริมสร้างความสงบสุขและความสามัคคีในกลุ่มประเทศสามเหลี่ยมทองคำ โดยแต่ละประเทศมีการนำหลักธรรมไปปรับใช้ในบริบทต่าง ๆ เช่น ลาวเน้นการช่วยเหลือและความสามัคคีของประชาชน ขณะที่เมียนมามุ่งใช้หลักธรรมในนโยบายเสริมสร้างความปรองดองภายในชุมชน ส่วนไทยเน้นการบริหารราชการตามหลักนิติธรรม คุณธรรม และความโปร่งใส โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้ระบบธรรมาภิบาลมีประสิทธิผลในบริบทที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม
  • การศึกษาชี้ให้เห็นว่าการปรับมิติธรรมาภิบาลของธนาคารโลกเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ ความรับผิดชอบ (Accountability), การมีส่วนร่วม (Participation), ความโปร่งใส (Transparency) และความคาดการณ์ล่วงหน้า (Predictability) เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารองค์กรภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานบนพื้นฐานจริยธรรมและคุณธรรม เพื่อเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความยั่งยืนของการพัฒนาประเทศ เพื่อสร้างระบบธรรมาภิบาลในระดับต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคท้องถิ่น และภาคประชาสังคม โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจและความรับผิดชอบ เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความเป็นธรรมในการบริหารงานสาธารณะ
  • คณะผู้วิจัย ได้จัดทำข้อเสนอแนะ ดังนี้  
    • สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ควรให้ความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมภิบาลในกลุ่มประเทศอาเซียน
    • สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ควรสร้างเป็นนโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจของหน่วยงาน เพื่อให้ทุกคนในหน่วยงานสร้างหลักธรรมภิบาล หรือการพัฒนาการมีส่วนร่วมของประชาชน
    • สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ควรตั้งแผนการในการดำเนินงาน ก่อให้เกิดการเรียนรู้ เกี่ยวกับหลักธรรมภิบาลในกลุ่มประเทศอาเซียน
    • สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ควรพิจารณาสร้างตัวชี้วัดความสำเร็จของการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักธรรมภิบาลในกลุ่มประเทศอาเซียน
 
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

อนันต์ อุปสอด. (2560). การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารราชการของกลุ่มประเทศสามเหลี่ยมทองคำ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร, 21(1), 181-192. 

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2560
ผู้แต่ง

อนันต์ อุปสอด

หน่วยงาน

หัวข้อ
Related Content

โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570

ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต

โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป

โครงการวิจัยการศึกษาแนวทางความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

นำเสนอแนวคิดและกิจกรรมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ป.ป.ช. ในการแก้ไขปัญหาการทุจริต และเสนอแนวทางการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันผ่านกระบวนการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ธรรมาภิบาล + ธรรมะ: เมื่อพุทธศาสนาประยุกต์กับธรรมาภิบาล บนพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ

ในยุคที่คนอาจหมดศรัทธาต่อรัฐ การเชื่อมโยงธรรมาภิบาลกับธรรมะ อาจเป็นอีกหนึ่งทางออกของสังคมโดยเฉพาะในพื้นที่ที่กฎหมายไปไม่ถึง แต่ศรัทธายังคงทำงานอยู่…ชวนดูตัวอย่างการใช้ธรรมาภิบาลร่วมกับพุทธศาสนาบนพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ

KRAC Insight | เกมแห่งแรงจูงใจ: ถอดบทเรียนกฎหมายผ่อนผันโทษผ่านมุมมองทฤษฎีเกม

KRAC INSIGHT ชวนเจาะลึกว่าทำไมกฎหมายผ่อนผันโทษจึงซับซ้อน และทำงานเหมือน Prisoner’s Dilemma ที่จูงใจผู้ร่วมขบวนการให้หักหลังกันเอง !

คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : พัฒนาทักษะการสื่อสารด้านการต่อต้านคอร์รัปชันผ่านการกระทำเชิงสัญลักษณ์

สัญลักษณ์ มักถูกใช้ในการเรียกสิ่งหนึ่งแทนการเรียกตรงๆ โดยอาจจะเกิดจากการเปรียบเทียบหรือการตีความออกมาเป็นรูปธรรมหรือนามธรรมก็ได้ ซึ่งนับเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่งที่มนุษย์ใช้กันนอกเหนือจากการเขียนข้อความ ในสังคมของเรามีการใช้สัญลักษณ์ในการสื่อสารให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง