KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | 3 มุมมองจากผู้รู้ สู่การแก้โกงจากการใช้ดุลยพินิจของรัฐ

เมื่อดุลยพินิจมากเกินไป แก้อย่างไรถึงจะเห็นผล ?

 

“ดุลยพินิจ” ตามความหมายของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา หมายถึง “การวินิจฉัยตามสมควรหรือการพิจารณาด้วยความเที่ยงธรรม” ซึ่งในการกำหนดนโยบายและการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของรัฐต่างก็ต้องมีคนที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการ โดยสามารถใช้ดุลยพินิจของตนเพื่อตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ แต่หลายครั้งการวินิจฉัยกลับไม่เป็นไปอย่างเที่ยงธรรม หรือเป็นการวินิจฉัยที่เบี่ยงเบนไปตามความพึงพอใจ อคติ หรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง จนเกิดเป็นการ “ทุจริต”

ตัวอย่างเช่น ระบบการเลื่อนขั้นข้าราชการที่ไม่มีเกณฑ์ประเมินผลงานที่ชัดเจน แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจจากดุลยพินิจของผู้มีอำนาจ กระบวนการดังกล่าวจึงไม่มีความโปร่งใสและอาจกลายเป็นการทุจริตได้ หรือกระบวนการยุติธรรมที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนเท่านั้นที่มีอำนาจในการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่อัยการไม่มีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ ตำรวจและพนักงานสอบสวนจึงสามารถเรียกรับผลประโยชน์เพื่อล้มคดีหรือบิดเบือนคดีได้ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรม เป็นต้น 

เมื่อดุลยพินิจที่มากเกินไปอาจนำมาสู่ปัญหาการทุจริต เราจึงอยากชวนมาดูปัญหาที่ว่าผ่าน 3 มุมมองจากผู้รู้หรือนักวิชาการ 3 ท่าน ในบทความวิชาการเรื่อง “ถก ซ่อม ‘ดุลยพินิจรัฐไทย’ ปิดช่องทุจริต หากินกับธุรกิจ-ประชาชน” (2559) ที่มาร่วมถกเถียงเกี่ยวกับปัญหาการใช้ดุลยพินิจของรัฐที่ส่งผลกระทบต่อสังคม พร้อมข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งบทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเผยแพร่ความรู้ด้านการเสริมสร้างธรรมาภิบาลและการลดคอร์รัปชัน โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

เริ่มจากมุมมองของ “คุณธิปไตร แสละวงศ์” นักวิจัยอาวุโสของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)

 

ได้วิเคราะห์อันดับความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจของประเทศไทย จากรายงานการจัดอันดับ Doing Business ของธนาคารโลก ปี 2559 ที่วิเคราะห์ผลกระทบจากการใช้ดุลยพินิจของรัฐในฐานะผู้อำนวยความสะดวกทางธุรกิจทั้งหมด 10 ด้าน จากผลการประเมินพบว่าอันดับของประเทศไทยตกต่ำลงจากอันดับ 46 มาอยู่ที่อันดับ 49 จาก 189 ประเทศ แม้ว่าจากการประเมินจะมีบางด้านที่มีคะแนนดีขึ้น คือ ด้านการขอใบอนุญาตก่อสร้างจากการมีจุดบริการแบบเบ็ดเสร็จ ด้านการชำระภาษี และด้านการอำนวยความสะดวกในกระบวนการฟ้องร้องล้มละลาย แต่อย่างไรก็ตาม จากผลการจัดอันดับดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าโดยภาพรวมแล้วการทำธุรกิจในประเทศไทยยังคงมีความยากอันเป็นผลมาจากการใช้ดุลยพินิจของรัฐไทยในบางแง่มุมที่ยังคงมีปัญหาอยู่

ดังนั้น คุณธิปไตรจึงได้เสนอ 3 ด้านที่รัฐไทยต้องปรับปรุง ซึ่งเป็น 3 ด้านที่มีคะแนนลดต่ำลงชัดเจนที่สุดจากการจัดอันดับ Doing Bussiness คือ (1) ด้านการคุ้มครองนักลงทุนที่มีปัญหาผู้ถือหุ้นรายย่อยมีสิทธิน้อย (2) ด้านการบังคับใช้สัญญาที่ยังต้องปรับปรุงคุณภาพของกระบวนการยุติธรรมในระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Court) และ (3) ด้านการขอสินเชื่อ ที่ SME ยังเข้าถึงแหล่งทุนยาก 

มุมมองจาก “ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์” ผู้อำนวยการวิจัยด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ สถาบัน TDRI

 

ได้ยกตัวอย่างขององค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่มีอำนาจในการใช้ดุลยพินิจสูงและเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบการจัดตั้งและหลักการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระของไทยในระดับสากลพบว่า ประเทศไทยยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบองค์กรอิสระเท่าที่ควร โดยมี 3 ปัญหาหลัก คือ

  1. เรื่องของความไม่โปร่งใสในการทำหน้าที่ โดยเฉพาะเรื่องการขาดกฎเกณฑ์ที่สร้างความโปร่งใสการติดต่อระหว่างผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานกำกับดูแลกับธุรกิจภายใต้กำกับดูแลหรือบุคคลภายนอก
  2. การขาดการเปิดเผยข้อมูลสำคัญต่อสาธารณะ ได้แก่ รายละเอียดเงินเดือน ผลประโยชน์ที่ได้รับของคณะกรรมการ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูง
  3. การออกกฎหมายต่างๆ ที่ยังขาดกระบวนการการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรฐานสากล

เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ ดร.เดือนเด่นได้กล่าวมา จะพบว่าปัจจุบันกสทช. มีหลายกรณีที่เกี่ยวกับการใช้ดุลยพินิจอย่างไม่สมควร เช่น การใช้อำนาจโดยมิชอบระงับการออกอากาศสถานีวอยซ์ทีวี หรือกรณีที่ประชาชนมองกว่า กสทช. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีการควบรวมกิจการค่ายมือถือ ซึ่งหากมีการเปิดข้อมูลให้ชัดเจนหรือมีกระบวนการรับฟังความเห็นก็จะช่วยป้องกันการใช้ดุลยพินิจในทางที่ผิดได้ 

มุมมองของ “ผศ.ดร.พรเทพ เบญญาอภิกุล” นักวิจัยโครงการติดตามนโยบายสื่อและโทรคมนาคม หรือ NBTC Policy Watch

 

ได้เสริมเรื่องของ กสทช. ต่อจาก ดร.เดือนเด่น ว่า นอกจากการเปิดข้อมูลที่ต้องทำให้โปร่งใสมากขึ้นแล้ว กสทช. ยังขาดความชัดเจนในด้านการใช้ดุลยพินิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน เช่น การจัดการประมูลคลื่นความถี่ที่ไม่มีการบอกรายละเอียดที่ชัดเจน ไม่ทราบแน่นอนว่าจะมีการประมูลอีกหรือไม่ อย่างไร และกรณีการตีความกฎหมายในการเอาผิดผู้ประกอบการยังไม่นิ่ง ทำให้เกิดความสับสน ดังนั้นการมีข้อมูลและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงและอ้างอิงได้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นแก่ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะ นักลงทุนและประชาชนในฐานะผู้บริโภค

จากมุมมองของนักวิชาการทั้ง 3 ท่าน ทำให้เห็นว่า การเปิดข้อมูล การมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน และการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม จะนำไปสู่การตรวจสอบและการป้องกันทุจริตจากการที่มาจากการใช้ดุลยพินิจของรัฐอย่างไม่เที่ยงธรรมได้

บทความ “ถก ซ่อม ‘ดุลยพินิจรัฐไทย’ ปิดช่องทุจริต หากินกับธุรกิจ-ประชาชน (2559)” ยังมีมุมมองอื่น ๆ เช่น มุมมองจากภาคประชาชน โดย คุณสารี อ๋องสมหวัง หรือ มุมมองจากภาคธุรกิจ โดย คุณวิชัย อัศรัสกร ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในงานวิจัย เรื่อง “ประมวลองค์ความรู้ด้านการเสริมสร้างธรรมาภิบาลและการลดคอร์รัปชัน” (2558) โดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

#คอร์รัปชัน # #จัดซื้อจัดจ้าง #ดุลยพินิจ #โครงการรัฐ #รัฐบาล #Corruption #KRAC 

——————

คอลัมน์ “KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย” เป็นบทความเล่างานวิจัยไทยด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่หยิบยกหนึ่งในประเด็นของงานวิจัยในมุมมองของผู้ปฏิบัติการ เพื่อปูพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน และการต่อต้านคอร์รัปชันในมิติต่าง ๆ ภายใต้บริบทของประเทศไทย

ที่มา

เดือนเด่น นิคมบริรักษ์. (2558). ประมวลองค์ความรู้ด้านการเสริมสร้างธรรมาภิบาลและการลดคอร์รัปชันสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2567
ผู้แต่ง
  • ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | โควิดเป็นเหตุ: สำรวจสถานการณ์ทุจริตที่เพิ่มขึ้นในช่วงโรคระบาด

การระบาดของโควิด-19 นำมาซึ่งวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทุกภาคส่วนทั่วโลก โดยพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าการให้และเรียกรับสินบนในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ? อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | แก้เกมฟอกเงิน แก้โกงงบประมาณ

ปัญหาฟอกเงินไทย อะไรคือจุดอ่อน ? ชวนสำรวจแนวทางการป้องกันฟอกเงินด้วยการแก้กฎหมายบางมาตรา และสร้างความร่วมมือเพื่อให้เกิดความโปร่งใส จากงานวิจัยเรื่อง การต่อต้านการคอร์รัปชัน: มาตรการการควบคุมการเคลื่อนไหวของเงิน (2558)

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | เบื้องหลังการทุจริตภาษีศุลกากร: เมื่อบริษัทปลอมกลายเป็นเครื่องมือเลี่ยงภาษี

บริษัทปลอม vs ศุลกากร : หนีภาษีเขาทำกันอย่างไร ? วิธีป้องกันบริษัทปลอม แหล่งหนีภาษาศุลกากรหลักหมื่นล้าน !! กระบวนการเหล่านี้จะเป็นอย่างไร ? แต่ละตัวละครทำหน้าที่อะไร สรุปมาให้เเล้วจากงานวิจัยเรื่อง “การศึกษากลุ่มอิทธิพลซึ่งนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบ: กรณีศึกษาการทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีศุลกากรในประเทศไทย” (2561)

You might also like...

KRAC Extract | คอร์รัปชันหลังเเผ่นดินไหว: โอกาสแห่งการฟื้นตัวหรือประตูสู่การทุจริต

คอร์รัปชันหลังแผ่นดินไหว…เมื่อเงินฟื้นฟูหลั่งไหล แต่ความโปร่งใสกลับหายไป! กรณีศึกษาจากตุรกี ที่เผยให้เห็นว่าภัยพิบัติอาจเปิดช่องให้การทุจริตแทรกซึมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการหลังภัยพิบัติ บทเรียนนี้ไม่ใช่แค่ของต่างประเทศ แต่คือสัญญาณเตือนที่ไทยก็ต้องระวังเช่นกัน!

KRAC Hot News I การท่องเที่ยวไทยสูญเสียอะไรให้กับการคอร์รัปชัน?

ในช่วงสงกรานต์ที่หลายคนออกเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับบ้าน เราอยากชวนคุณมามอง “การท่องเที่ยวไทย” ในมุมที่อาจไม่ค่อยถูกพูดถึง นั่นคือ การคอร์รัปชัน ด้วยข้อมูลวิจัยและกรณีศึกษาที่ชี้ให้เห็นว่าปัญหาการคอร์รัปชันมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยมากกว่าที่คิด

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | การใช้ e-bidding เพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชันในโครงการจัดซื้อจัดจ้าง มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ?

ชวนสำรวจ e-bidding : เทคโนโลยีการจัดซื้อจ้างออนไลน์ลดคอร์รัปชัน โดยจะพาไปดูผลการใช้งานระบบจริงจากทั้ง 3 กรมว่าเป็นอย่างไร ? แล้วเราจะทำอย่างไรให้ระบบ e-bidding มีประสิทธิภาพมากขึ้น