
สำรวจสถานการณ์ทุจริตที่เพิ่มขึ้นในช่วงโรคระบาด
การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นวิกฤตระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ทั่วโลกต่างเผชิญกับปัญหาในการควบคุมโรคระบาด ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และดูแลประชาชน
ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความวิตกกังวล ยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญคือ การทุจริตคอร์รัปชันที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย อย่างที่เราเห็นตามข่าวว่ามักจะมีการฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ การเรียกรับสินบนเพื่อแลกกับการอนุมัติ อนุญาต หรือการให้บริการต่าง ๆ
เป็นที่มาของงานวิจัยเรื่อง “การจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐของบรรษัทข้ามชาติและนักลงทุนที่ประกอบธุรกิจและลงทุนในประเทศไทย” โดย ฉันท์ชนก เจนณรงค์ และคณะ (2566) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์และการรับรู้การเรียกรับและการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐของบรรษัทข้ามชาติและนักลงทุนชาวไทยที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ จำนวน 400 ราย
งานวิจัยนี้ใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสาน ระหว่างการใช้แบบสอบถามจากบรรษัทข้ามชาติและบริษัทสัญชาติไทย และเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการศึกษาในงานวิจัยนี้ได้มีการศึกษาสถานการณ์การทุจริตในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น
หนึ่งในผลการศึกษาที่น่าสนใจ คือ ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการ จำนวน 400 ราย เกี่ยวกับสถานการณ์การให้และเรียกรับสินบนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ก่อนปี 2566) พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ (ร้อยละ 76.5) มีความเห็นว่า การให้และเรียกรับสินบนในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19
ตัวอย่างการทุจริตที่พบบ่อย เช่น การเรียกรับสินบนเพื่อให้ออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจและโรงงาน การเร่งกระบวนการอนุมัติ การก่อสร้างและการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างผ่านการการล็อกสเปกและการฮั้วประมูล
สาเหตุของการทุจริตที่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19
กระบวนการอนุมัติ อนุญาต มีความล่าช้า
เนื่องจากมาตรการควบคุมโรคระบาด เช่น การล็อกดาวน์ การจำกัดการเดินทาง ทำให้กระบวนการทำงานของหน่วยงานรัฐล่าช้า และเกิดความคั่งค้าง ซึ่งเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่บางส่วนฉวยโอกาสเรียกรับสินบนเพื่อแลกกับความรวดเร็ว
ความไม่โปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ
รัฐบาลมีการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 แต่ขาดความโปร่งใสในการใช้จ่าย ทำให้เกิดช่องว่างและโอกาสในการทุจริต
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการบางรายและประชาชนบางส่วนได้รับความเดือดร้อน ทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกทางลัด เช่น การติดสินบน
ซึ่งการทุจริตเหล่านี้ ทำให้เกิดผลกระทบในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่สูญเสียงบประมาณและทรัพยากรของประเทศจำนวนมาก ด้านสังคมที่เพิ่มความเหลื่อมล้ำและทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาครัฐ รวมถึงด้านสาธารณสุขที่เกิดปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน
แนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
จากสถานการณ์นี้งานวิจัยเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ได้แก่
ภาครัฐ : ควรมีการปรับปรุงกฎหมาย และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี
โดยการปรับปรุงกฎระเบียบ และขั้นตอนการทำงานให้มีความโปร่งใส รวดเร็ว และตรวจสอบได้ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบ E-government เพื่อลดขั้นตอน และการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยงาน องค์กร ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ และปราบปรามการทุจริต เช่น สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. ฯลฯ รวมถึงส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ และปลูกฝังค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริตในสังคม
ภาคเอกชน : ควรมีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส
โดยปฏิเสธการติดสินบน และร่วมมือกับภาครัฐในการตรวจสอบ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องมีจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ รวมถึงส่งเสริมให้พนักงาน มีจิตสำนึกในการต่อต้านคอร์รัปชัน
ประชาชน : มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ แจ้งเบาะแส และร้องเรียน
เมื่อพบเห็นการทุจริต ติดตาม ตรวจสอบ การทำงานของภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงสร้างความตระหนัก และปลูกฝังค่านิยมการต่อต้านคอร์รัปชันให้กับคนในสังคม
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้สถานการณ์การทุจริตในประเทศไทยรุนแรงขึ้น ซึ่งสร้างความเสียหายต่อประเทศไทยในหลาย ๆ มิติ การแก้ไขปัญหานี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการสร้างระบบ กลไก ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกัน และปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจัง
งานวิจัยเรื่อง “การจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐของบรรษัทข้ามชาติและนักลงทุนที่ประกอบธุรกิจและลงทุนในประเทศไทย” โดย ฉันท์ชนก เจนณรงค์ และคณะ (2566) ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น สถานการณ์การให้และถูกเรียกรับสินบนในการลงทุนในประเทศไทย หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้และเรียกรับสินบนในประเทศไทย โดยสามารถอ่านสรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัยได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
คอลัมน์ “KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย” เป็นบทความเล่างานวิจัยไทยด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่หยิบยกหนึ่งในประเด็นของงานวิจัยในมุมมองของผู้ปฏิบัติการ เพื่อปูพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน และการต่อต้านคอร์รัปชันในมิติต่าง ๆ ภายใต้บริบทของประเทศไทย
ฉันท์ชนก เจนณรงค์, อนัญญา แม้นโชติ และเสาวณีย์ ทิพอุต. (2566). การจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐของบรรษัทข้ามชาติ และนักลงทุนที่ ประกอบธุรกิจและลงทุนในประเทศไทย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ.
ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หัวข้อ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | โควิดเป็นเหตุ: สำรวจสถานการณ์ทุจริตที่เพิ่มขึ้นในช่วงโรคระบาด
การระบาดของโควิด-19 นำมาซึ่งวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทุกภาคส่วนทั่วโลก โดยพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าการให้และเรียกรับสินบนในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ? อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | แก้เกมฟอกเงิน แก้โกงงบประมาณ
ปัญหาฟอกเงินไทย อะไรคือจุดอ่อน ? ชวนสำรวจแนวทางการป้องกันฟอกเงินด้วยการแก้กฎหมายบางมาตรา และสร้างความร่วมมือเพื่อให้เกิดความโปร่งใส จากงานวิจัยเรื่อง การต่อต้านการคอร์รัปชัน: มาตรการการควบคุมการเคลื่อนไหวของเงิน (2558)
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | เบื้องหลังการทุจริตภาษีศุลกากร: เมื่อบริษัทปลอมกลายเป็นเครื่องมือเลี่ยงภาษี
บริษัทปลอม vs ศุลกากร : หนีภาษีเขาทำกันอย่างไร ? วิธีป้องกันบริษัทปลอม แหล่งหนีภาษาศุลกากรหลักหมื่นล้าน !! กระบวนการเหล่านี้จะเป็นอย่างไร ? แต่ละตัวละครทำหน้าที่อะไร สรุปมาให้เเล้วจากงานวิจัยเรื่อง “การศึกษากลุ่มอิทธิพลซึ่งนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบ: กรณีศึกษาการทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีศุลกากรในประเทศไทย” (2561)