โครงการศึกษาฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อออกแบบยุทธศาสตร์ในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากกรมบัญชีกลาง จำนวน 40,000 โครงการ และนำมาจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ เป็นแหล่งการทุจริตคอร์รัปชันทุกยุคทุกสมัย เนื่องจากในแต่ละปี การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมีมูลค่าที่สูงมาก โดยในปี พ.ศ. 2559 วงเงินการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐอยู่ที่กว่า 1 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37 ของงบประมาณประจำปี

การศึกษานี้ จึงมุ่งไปที่การวิเคราะห์เหตุปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของกรมบัญชีกลาง จำนวน 40,000 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างของหน่วยงานหลัก 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และกรมชลประทาน

โดยนำข้อมูลดังกล่าว มาวิเคราะห์โดยใช้แบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์  และใช้ปัจจัยต่างๆ ที่คาดว่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดช่องทางในการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น ระยะเวลาการปิดประกาศ TOR กับการประกาศเชิญ ระยะเวลาของการประกาศเชิญชวนกับการเปิดให้ซื้อซองประมูล บริษัทที่ชนะการประมูลกับความถี่ของการชนะการประมูล รายชื่อกรรมการบริษัท เป็นต้น เพื่อนำมาจัดทำเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และมาตรการ เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

สรุปประเด็นจากงานวิจัย

  • ผลจากการศึกษาปัจจัยที่ส่งเสริมให้มีเกิดการแข่งขัน ที่จะส่งผลให้ราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางมีทั้งหมด 4 ปัจจัย ได้แก่ (1) ระดับการพัฒนาของจังหวัด ส่งผลให้มีผู้รับเหมาก่อสร้างในพื้นที่พร้อมเข้าแข่งขันในการประมูลมากกว่า ซึ่งจะเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณให้กับหน่วยงานรัฐ (2)  มูลค่าโครงการ เนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ มักมีส่วนต่างระหว่างราคากลาง กับ ราคาที่ประมูลได้มากกว่าโครงการขนาดเล็ก (3) การเป็นผู้เล่นรายใหม่  ถ้ามีผู้เล่นรายใหม่เข้ามามากเท่าไหร่ ย่อมส่งผลต่อระดับการแข่งขันในการประมูลโครงการเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้ร้อยละส่วนต่างของราคากลาง กับ ราคาชนะประมูลโครงการสูงมากขึ้นด้วย และ (4) วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบ e-bidding มีนัยสำคัญต่อร้อยละส่วนต่างของราคากลาง ซึ่งในกรณีของทั้งสามหน่วยงานที่ศึกษา สะท้อนให้เห็นว่าการใช้วิธีการประมูลแบบ e-bidding ทำให้มีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น
  • ผลจากการศึกษาปัจจัยที่มีผลทำให้ส่วนต่างของราคากลางกับราคาประมูลน้อยลง พบว่าส่วนแบ่งตลาดของผู้รับเหมา ซึ่งคำนวณจากมูลค่าของโครงการที่ผู้รับเหมารายใดรายหนึ่งประมูลได้ หารด้วยมูลค่าของโครงการที่มีการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด ผลการประมวลดังกล่าว สะท้อนว่าหากผู้รับเหมาเป็นบริษัทก่อสร้างที่มีส่วนแบ่งตลาดสู งหรือเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่รับงานก่อสร้างของภาครัฐ อาจมีอำนาจผูกขาดมาก ความเข้มข้นของการแข่งขันในการประมูลโครงการก็จะลดลง ส่งผลต่อร้อยละของส่วนต่างราคากลางกับราคาที่ชนะประมูลโครงการก็จะยิ่งน้อยลง
  • ผลการศึกษาเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น พบว่ามีอดีตนักการเมืองทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ แต่ยังไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างนักการเมืองที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กับ บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่รับงานขนาดใหญ่ทั้งระดับประเทศ  (หมายเหตุ : ด้วยข้อจำกัดของข้อมูล คณะผู้วิจัย จึงไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าบริษัทดังกล่าวได้รับโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมากกว่าปกติในช่วงที่นักการเมือง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่)
  • สำหรับผลการศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เหมาะสมกับประเทศไทย พบว่าวิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบ e-bidding ในมุมมองของการกำกับดูแลถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันได้ และยังช่วยป้องกันบริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาด และมีอำนาจต่อรอง สามารถเข้ามาสร้างแรงกดดันต่อระบบการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐได้  โดยเสนอให้กรมบัญชีกลางพิจารณาปรับรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น จำนวน และชื่อผู้เข้าร่วมประมูลในแต่ละโครงการ ระยะเวลาของการประชาสัมพันธ์โครงการ ระยะเวลาในการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับ ToR  และการมีข้อตกลงคุณธรรม และเปิดเผยข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของฐานข้อมูล เช่น excel เพื่อให้สะดวกต่อการนำไปวิเคราะห์ประมวลผลในการติดตามตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างโครงการของภาครัฐต่อไป
เอกสารอ้างอิง
รูปแบบ APA

เดือนเด่น นิคมบริรักษ์, วีรวัลย์ ไพบูลย์จิตต์อารี, ธารทิพย์ ศรีสุวรรณเกศ, อุไรรัตน์ จันทรศิริ, ภวินทร์ เตรียนันท์, ศศิพงษ์ สุมา และศิราภรณ์ ธูปเทียน. (2562). โครงการศึกษาฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อออกแบบยุทธศาสตร์ในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2562
ผู้แต่ง
  • เดือนเด่น นิคมบริรักษ์
  • วีรวัลย์ ไพบูลย์จิตต์อารี
  • ธารทิพย์ ศรีสุวรรณเกศ
  • อุไรรัตน์ จันทรศิริ
  • ภวินทร์ เตรียนันท์
  • ศศิพงษ์ สุมา
  • ศิราภรณ์ ธูปเทียน
หน่วยงาน
หัวข้อ
Related Content

โครงการศึกษาฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อออกแบบยุทธศาสตร์ในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

วิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์จากกรมบัญชีกลาง จำนวน 40,000 โครงการ และนำมาจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

พัฒนาการของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

ศึกษาพัฒนาการของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 103/7 วรรคแรกและวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

ผลกระทบขององค์กรธุรกิจจากการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของ ปปช. มาตรา 103/7

ศึกษาประสิทธิภาพของกลไกการป้องกันและแก้ไขปัญหาระบบการจัดซื้อจัดจ้างของไทยให้เป็นไปด้วยความรัดกุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บทความวิจัย : ปัจจัยเชิงสาเหตุที่ส่งผลต่อมาตรการป้องกันปัญหาคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานภาครัฐในกรุงเทพมหานคร

ส่งเสริมแนวทางการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยหลักธรรมาภิบาลและจิตพอเพียงต้านทุจริต

You might also like...

บทความวิจัย : นโยบายต่อต้านคอร์รัปชันและการให้สินบน

การศึกษาสาเหตุของปัญหาคอร์รัปชันและการให้สินบน พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหา คือ การปรับทัศนคติของสังคม และโครงสร้างทางอำนาจของรัฐ

บทความวิจัย : การแก้ปัญหาคอรัปชันในยุคดิจิทัลตามแนวพุทธจริยธรรม

หิริโอตตัปปะ ฆราวาสธรรม และทิศ 6 หลักธรรมที่ควรนำมาประยุกต์เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาคอรัปชันในยุคดิจิทัล เพราะการแก้ปัญหาอาจต้องย้อนกลับไปแก้ไขที่รากเหง้า คือ การสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ

บทความวิจัย : กบฏโพกผ้าเหลือง กับเสถียรภาพทางการเมืองในวรรณกรรมสามก๊ก

“กบฎโพกผ้าเหลือง” สะท้อนให้เห็นว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวงในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจนำมาสู่การล่มสลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ดังนั้น เพื่อเสถียรภาพทางการเมือง รัฐจะต้องมีมาตรการป้องกันการทุจริตคอรัปชัน ควบคู่ไปกับการดูแลประชาชนให้อยู่ดีกินดี