บทความวิจัย | การเสริมสร้างเครือข่ายการต่อต้านการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาญจนบุรี

บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเครือข่ายการต่อต้านทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  ศึกษาการเสริมสร้างเครือข่ายการต่อต้านทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาเครือข่ายการต่อต้านทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยทําการศึกษาในจังหวัดกาญจนบุรี

 

โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกจากผู้นําองค์กร ภาครัฐ ภาคประชาชนและ พระสงฆ์ จํานวน 18 รูป/คน นําผลการวิจัยมาสนทนากลุ่มเฉพาะกับผู้ทรงคุณวุฒิจํานวน 10 รูป/คนวิเคราะห์ เนื้อหา สรุปผล และอธิบายเชื่อโยงความสัมพันธ์

 

ผลการวิจัย พบว่า เครือข่ายการต่อต้านทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกอบด้วย 2 เครือข่าย คือ เครือข่ายที่แต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัด และเครือข่ายที่เกิดจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับการเสริมสร้างเครือข่ายมี 7 กระบวนการสำคัญ ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้ การสร้างอุดมการณ์ การแต่งตั้งคณะกรรมการ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การวางแผนป้องกัน การเฝ้าระวังการทุจริต และการประเมินผล

 

นอกจากนี้ ผู้วิจัยได้จัดทำข้อเสนอเเนะต่อแนวทางการพัฒนาเครือข่ายการต่อต้านทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ การส่งเสริมบทบาทของสภา การมีส่วนร่วมของชุมชน การสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน การเชื่อมประสานองค์กร การสร้างตัวอย่างที่ดี การสร้างสังคมหิริโอตัปปะ และสนับสนุนการร้องเรียน รวมถึงการวางแผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตและการตั้งหลักเกณฑ์การเลือกผู้บริหารในระดับท้องถิ่น

เอกสารอ้างอิง

รูปแบบ APA

สมชาย ชูเมือง, วรวุฒิ  มูลตรีอุตร์, มนตรี วรภัทรทรัพย์, พระมหาพิพัฒพงศ์ ฐิตธมฺโม และพระมหาคำพันธุ์ รณญฺชโย (แสนยโยธิน). (2563). การเสริมสร้างเครือข่ายการต่อต้านการทุจริตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดกาญจนบุรี. วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์, 5(5), 190–202.

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2563
ผู้แต่ง
  • สมชาย ชูเมือง 
  • วรวุฒิ  มูลตรีอุตร์ 
  • มนตรี วรภัทรทรัพย์ 
  • พระมหาพิพัฒพงศ์ ฐิตธมฺโม 
  • พระมหาคำพันธุ์ รณญฺชโย (แสนยโยธิน) 
วารสารที่ตีพิมพ์

หัวข้อ
Related Content

โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น

โครงการสำรวจการรับรู้และความเข้าใจด้านการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดของประเทศไทย

ศึกษาและสํารวจข้อมูลระดับการรับรู้ของเจ้าหนาที่รัฐในองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มีต่อความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ เพื่อลดพฤติกรรมความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ในอนาคต

โครงการวิจัยและประสานงานเพื่อสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน

เพื่อออกแบบงานวิจัยสำหรับแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันบนฐานการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาระบบและเครื่องมือใหม่ในการป้องกันและลดคอร์รัปชันในระดับพื้นที่

You might also like...

KRAC Hot News I จาก “เงินทอนวัด” สู่ “มหกรรมสึกพระ” ธรรมาภิบาลวัดที่ต้องเร่งเเก้

วิกฤติศรัทธาในผ้าเหลืองกำลังสั่นคลอนวงการสงฆ์! KRAC จะพาไปสำรวจรากลึกของปัญหาธรรมาภิบาลวัด และเสนอแนวทางการปฏิรูปที่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนคน แต่ต้องเปลี่ยนระบบ

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | 365 มุมมองของข้าราชการ กับการแจ้งเบาะแสในหน่วยงานรัฐ

เมื่อพูดถึงการต่อต้านคอร์รัปชัน กลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่ถูกคาดหวังเสมอคือการ “แจ้งเบาะแส” หรือ “Whistleblowing” จากคนภายในองค์กร แต่จะทำอย่างไรให้ทุกคนร่วมกันเป็นหูเป็นตา และกล้าที่จะออกมาพูดความจริงเมื่อพบเห็นการทุจริตเกิดขึ้น

โมเดลทางทฤษฏีเชื่อมโยงดัชนี ITA ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐและความคิดที่จะออกมาแจ้งเบาะแสการทุจริตในภาครัฐ

งานวิจัยชี้ว่า 3 ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อความคิดของบุคคลที่จะออกมาแจ้งเบาะแสในหน่วยงาน ได้เเก่ จริยธรรมขององค์กรที่มีผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเพื่อสาธารณะ ความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมของเเต่ละบุคคล และความรู้สึกปลอดภัยในการเเสดงความคิดเห็น