KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | “รังนก” ก็โกงได้ : ตรวจสอบช่องโหว่กลไกการให้สัมปทานรังนกไทย

ส่องกลไกสัมปทานรังนกไทย

“รังนก” ถือเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่หายากและมีมูลค่าสูง เพราะเป็นทรัพยากรทางธรรมชาติที่มาจากกลุ่มนกแอ่นเท่านั้น และหากไม่ใช้อย่างระวังก็จะส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ อีกทั้งยังทำให้สินค้าทางเศรษฐกิจนี้ขาดแคลนได้

 

หลายประเทศจึงได้กำหนดให้รังนกนางแอ่นเป็นสินค้าที่รัฐเข้ามาควบคุม เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยแต่ละประเทศก็จะมีการควบคุมทรัพยากรนี้ในรูปแบบที่ต่างกันไป

 

ส่วนในประเทศไทยจะเป็นรูปแบบของการให้ “สัมปทาน” ซึ่งในกระบวนการให้สัมปทานก็อาจเกิดการทุจริตขึ้นได้หากไม่มีกลไกควบคุมที่ดีพอ จึงต้องมีการตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตขึ้น

 

จึงเป็นที่มาของงานวิจัยเรื่อง “กระบวนการและการตรวจสอบการให้สัมปทานรังนกในภาคใต้ของประเทศไทย” โดย ต่อภัสสร์ ยมนาค และวัชรพงศ์ รติสุขพิมล (2562) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบช่องว่างของกลไกการให้สัมปทาน เพื่อให้การให้สัมปทานรังนกโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้ใช้เอกสารหลายชิ้นที่เกี่ยวข้อง เช่น ข่าว รายละเอียดคำพิพากษา หนังสือเกี่ยวกับวงการรังนกถ้ำ และการลงพื้นที่สัมภาษณ์ผู้ที่มีความเกี่ยวข้อง 

ตรวจสอบช่องโหว่กลไกการให้สัมปทานรังนกไทย 

การศึกษาจากงานวิจัย พบว่า ธุรกิจรังนกไทยนั้นเป็นธุรกิจที่มีเฉพาะบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งมีมานานตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยเริ่มต้นจากการส่งส่วยรังนกให้กับราชสำนัก รัฐส่วนกลางจะไม่ได้เข้ามายุ่ง

 

จนหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ได้มีการออกกฎหมายพระราชบัญญัติอากรรังนกอีแอ่น พ.ศ. 2482 ที่ให้กรมสรรพากรกระทรวงการคลังเป็นผู้มีอำนาจในการควบคุมผลประโยชน์จากการทำธุรกิจรังนกแอ่น ซึ่งจะมีการเปิดประมูลสัมปทานเพื่อเป็นรายได้ให้กับรัฐ

 

ประเทศไทยจึงได้เริ่มมีสัมปทานรังนกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และกฎหมายปัจจุบันที่ประเทศไทยใช้อยู่คือ “พระราชบัญญัติรังนกอีแอ่น พ.ศ. 2540”

 

โดยงานวิจัย พบว่า ช่องว่างของกลไกที่อาจนำไปสู่การทุจริตสัมปทานรังนกมาจากการดำเนินการที่เอกชนเข้ามาขอสัมปทานกับรัฐในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่ก่อนให้สัมปทาน 4 ขั้นตอน และหลังการให้สัมปทานที่มี 4 ขั้นตอน ดังนี้ 

สำรวจขั้นตอนก่อนให้สัมปทาน

  1. คณะกรรมการพิจารณาจัดเก็บรังนกจัดการประชุมและทําหลักเกณฑ์เงื่อนไขการให้สัมปทานทั้งหมด 
  2. เมื่อได้หลักเกณฑ์ คณะกรรมการฯ จะประกาศขายซองประมูล คนที่สนใจสามารถซื้อซองประมูลได้ตามหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่นที่มีการประกาศให้สัมปทานรังนก
  3. หลังจากผู้สนใจรับสัมปทานยื่นซองประมูล คณะกรรมการฯ จะใช้เวลาในการพิจารณาภายใน 15 วัน หลังจากนั้น และจะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ชนะการประมูลภายใน 7 วัน 
  4. หลังจากการแจ้งผู้ชนะการประมูลแล้ว คณะกรรมการฯ มีหน้าที่ในการเตรียมทําสัญญาลงนามให้สัมปทานภายในเวลา 15 วันและนัดหมายผู้ชนะการประมูลมาลงนามในสัญญาได้

สำรวจขั้นตอนหลังการให้สัมปทาน

  1. ผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของรัฐ และจะเก็บสัมปทานรังนกได้ไม่เกินปีละ 3 ครั้ง ในการเข้าเก็บทุกครั้ง จะต้องแจ้งมายังคณะกรรมการฯ ไม่น้อยกว่า 30 วัน
  2. ในวันที่จัดเก็บรังนกจะต้องมีตัวแทนของคณะกรรมการฯ เข้าไปสังเกตการณ์ด้วย
  3. หลังจัดเก็บรังนกผู้ได้สัมปทานจะต้องทําบัญชีแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับจํานวนรังนกที่เก็บได้ และยื่นให้กับคณะกรรมการฯ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เข้าไปเก็บ
  4. หลังการขายรังนกผู้รับสัมปทานต้องทำหนังสือแสดงรายละเอียดว่ารังนกที่เก็บได้จะนำไปขายให้กับใคร ในราคาเท่าไร และรายละเอียดอื่น ๆ

สรุปกระบวนการให้สัมปทานรังนกไทย ยังมีช่องว่างเอื้อต่อการทุจริต

  1. ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการให้สัมปทาน: มีจุดเสี่ยงที่คณะกรรมการฯ ที่มีอำนาจครอบคลุมเบ็ดเสร็จตั้งแต่ต้นจนจบ
  2. การตรวจสอบการให้สัมปทาน: เกิดภาวะข้อมูลไม่สมมาตร หรือก็คือฝ่ายหนึ่งมีข้อมูลแต่อีกฝ่ายไม่มีข้อมูล ซึ่งผู้ที่มีข้อมูลคือฝ่ายคณะกรรมการฯ ที่มีอำนาจครอบคลุมเบ็ดเสร็จ มีข้อมูลมากกว่าสังคม นำไปสู่ความเสี่ยงที่กระบวนการสัมปทานในขั้นตอนต่าง ๆ ที่ขาดระบบตรวจสอบที่ซับซ้อนเพียงพอ
  3. การจัดการผลประโยชน์ในส่วนกระบวนการการจัดสรรอากรรังนก: มีจุดเสี่ยงอยู่ที่การดำเนินงานตามระเบียบและข้อกำหนดเป็นบุคคลที่อยู่ในคณะกรรมการฯ ร่วมกันทั้งสิ้น และมีหน้าที่ในการตรวจสอบและรับอากรเหล่านั้น

แล้วเราจะป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร ?

เพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดช่องว่างการทุจริตในกระบวนการดังกล่าว งานวิจัยได้เสนอ 3 คำแนะนำเพื่อป้องกันการทุจริต คือ

  1. รัฐควรมีการปรับโครงสร้างคณะกรรมการพิจารณาการจัดเก็บภาษีอากรรังนก ให้มีการกระจายอำนาจเพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล เช่น เพิ่มคณะกรรมการตรวจสอบการจัดเก็บรังนกแยกออกมา 
  2. ตรวจสอบเฉพาะเจาะจงสำหรับการให้สัมปทานรังนกที่ชัดเจนและเหมาะสม ด้วยกลไกคณะกรรมการตรวจสอบที่แยกออกมา และขอคำแนะนำจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ เช่น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
  3. จัดเก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ จะเห็นได้ว่าสิ่งที่กระบวนการการให้สัมปทานนี้ขาดไปคือข้อมูลและความโปร่งใส ซึ่งทำให้ขาดหลักฐานที่ชัดเจน ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการจึงต้องร่วมมือกันบริหารจัดการข้อมูลให้ดีขึ้นในระยะยาว 

รังนกนั้นเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าสูง และที่สำคัญเป็นทรัพยากรของประเทศไม่ใช่ของใคร ดังนั้นหากทรัพยากรนี้ต้องตกอยู่ในมือเอกชนหรือรัฐโดยที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดการทุจริต เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งแก้ไขให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส

 

งานวิจัยเรื่อง “กระบวนการและการตรวจสอบการให้สัมปทานรังนกในภาคใต้ของประเทศไทย”  โดย ต่อภัสสร์ ยมนาค และวัชรพงศ์ รติสุขพิมล  (2562) ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การควบคุมจัดการทรัพยากรรังนกในเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือกฎหมายการควบคุมทรัพยากรรังนกในไทย โดยสามารถอ่านสรุปประเด็นสำคัญของงานวิจัยได้ที่ลิงก์ด้านล่าง

คอลัมน์ “KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย” เป็นบทความเล่างานวิจัยไทยด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่หยิบยกหนึ่งในประเด็นของงานวิจัยในมุมมองของผู้ปฏิบัติการ เพื่อปูพื้นฐานความรู้และความเข้าใจเรื่องการคอร์รัปชัน และการต่อต้านคอร์รัปชันในมิติต่าง ๆ ภายใต้บริบทของประเทศไทย

ที่มา

ต่อภัสสร์ ยมนาค และวัชรพงศ์ รติสุขพิมล. (2562). กระบวนการและการตรวจสอบการให้สัมปทานรังนกในภาคใต้ของประเทศไทย. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง

ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค

หน่วยงานสนับสนุน
05_โลโก้ KRAC
โลโก้คณะเศรษฐศาสตร์ (ภาษาไทย)

หัวข้อ
Related Content

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด ต้นเหตุการเสียงบประมาณรัฐหลักพันล้าน

“รถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด” เป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างรุนแรง ซึ่งการปล่อยให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดส่วนหนึ่งเกิดจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนและปล่อยปละละเลยรถบรรทุกเหล่านี้

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ปิดช่องโหว่ดุลพินิจ ปิดช่องทางทุจริตในไทย

“ดุลพินิจ” อำนาจรัฐ หรือช่องว่างที่ทำให้เกิดการทุจริต ? KRAC ชวนถอดบทเรียนการแก้ปัญหาโกงจากการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐจากกงานวิจัยเรื่อง การแสวงหาผลประโยชน์ จากการอนุญาตโดยใช้อำนาจรัฐ (2560)

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | คอร์รัปชันในอุตสาหกรรมประมงไทย : ปัญหาที่กระทบเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน และภาพลักษณ์ประเทศ

จะแก้อย่างไรถ้าอุตสาหกรรมประมงไทยคอร์รัปชัน ? ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมประมงระดับโลกของไทยอีกด้วย โดย KRAC สรุปมาให้เเล้วจากงานวิจัยเรื่อง “การศึกษาวิเคราะห์การทุจริตคอร์รัปชันขบวนการเครือข่ายนายหน้าแรงงานข้ามชาติเมียนมาในอุตสาหกรรมประมงต่อเนื่องของประเทศไทย” (2562)

You might also like...

KRAC Insight | การเพิ่มขีดความสามารถภาครัฐ และลดคอร์รัปชัน ในฐานะ “นโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรม”

KRAC ชวนทุกท่านร่วมเจาะลึกนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกของภาครัฐ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น และเป็นแนวทางในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับประเทศเพื่อการแข่งขันในตลาดโลก

KRAC Insight x C4 Centre | ความเสี่ยงต่อการเกิดคอร์รัปชันที่แฝงอยู่ในรูปแบบของการจัดซื้อจัดจ้างที่หลากหลาย

รู้หรือไม่? การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีหลายรูปแบบ และในแต่ละรูปแบบก็ซ่อน “ความเสี่ยงคอร์รัปชัน” ไว้ต่างกัน! KRAC ร่วมกับ C4 Centre มาเลเซีย เปิดเผยประเด็นร้อนจากเวทีประชุมระดับภูมิภาค SEA-ACN ว่าความเสี่ยงคอร์รัปชันซ่อนอยู่ใน PPP, PFI, G2G, Strategic Partnership รวมถึงการจัดซื้อในสถานการณ์ฉุกเฉินอีกด้วย

KRAC Extract | คอร์รัปชันหลังเเผ่นดินไหว: โอกาสแห่งการฟื้นตัวหรือประตูสู่การทุจริต

คอร์รัปชันหลังแผ่นดินไหว…เมื่อเงินฟื้นฟูหลั่งไหล แต่ความโปร่งใสกลับหายไป! กรณีศึกษาจากตุรกี ที่เผยให้เห็นว่าภัยพิบัติอาจเปิดช่องให้การทุจริตแทรกซึมได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดการหลังภัยพิบัติ บทเรียนนี้ไม่ใช่แค่ของต่างประเทศ แต่คือสัญญาณเตือนที่ไทยก็ต้องระวังเช่นกัน!