คนรับ-คนจ่ายสินบนต้องโดนโทษอะไรบ้าง ?
การคอร์รัปชันในภาคเอกชนเป็นหนึ่งในปัญหาที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไม่แพ้การคอร์รัปชันในภาครัฐ เพราะทำให้เกิดการชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ สร้างภาพลักษณ์ความไม่โปร่งใสให้กับประเทศ ทำให้ภาครัฐขาดรายได้ และการ “ติดสินบน” เป็นหนึ่งในปัญหาคอร์รัปชันในภาคเอกชนที่สร้างความเสียหายรุนแรงเป็นอันดับต้น ๆ อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับการคอร์รัปชันในภาครัฐ ประเทศจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันจึงได้มีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาการติดสินบน เนื่องจากรัฐบาลจีนมีนโยบายต้องการให้การป้องกันการติดสินบนในภาคเอกชนมีความเข้มงวดมากขึ้น
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ปี 2566 คณะกรรมการสภาประชาชนแห่งชาติจีน (National People’s Congress: NPC) จึงได้มีการออกมาประกาศแก้ไขกฎหมายอาญาของประเทศเกี่ยวกับการเพิ่มความรุนแรงในบทลงโทษและเพิ่มความครอบคลุมของกฎหมายในการป้องกันติดสินบนในภาคเอกชน โดยผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ปี 2567 ที่ผ่านมา
ตัวอย่างการแก้ไขกฎหมายที่มีการ “เพิ่มโทษที่ครอบคลุมไปถึงภาคเอกชน” เช่น มาตรา 165 ที่ระบุว่าห้ามพนักงานรัฐวิสาหกิจระดับสูงทำธุรกิจส่วนตัวที่คล้ายกับกิจการที่พวกเขาทำงานอยู่หรือหาผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 3 ถึง 7 ปี และปรับเงิน “ซึ่งโทษนี้จะรวมไปถึงพนักงานระดับสูงของเอกชนด้วย”
กฎหมายยังมีการ “ปรับเพิ่มบทลงโทษผู้ที่เรียกสินบน” เช่น มาตรา 387 หากพบว่าหน่วยงานหรือองค์กรใดมีการเรียกสินบน จากเดิมหน่วยงานหรือองค์กรนั้นจะต้องถูกปรับและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงจะมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี แต่ปัจจุบันมีการเพิ่มโทษโดยปรับเป็น หน่วยงานหรือองค์กรจะต้องถูกปรับเงิน และหัวหน้าหน่วยงานหรือองค์กรรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
นอกจากนี้ยังมีการ “ปรับเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ที่ติดสินบน” เช่น มาตรา 390 ที่ระบุว่าบุคคลใดก็ตามที่ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ จากเดิมมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี แต่ไม่มีการปรับเงิน ปรับเป็น มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แต่จะมีการปรับเงินเพิ่ม แต่หากเป็นทำผิดที่ร้ายแรงจะมีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี หรือประหารชีวิต และต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดของการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น
กฎหมายยัง “ปรับเพิ่มบทลงโทษครอบคลุมไปถึงบริษัท” เช่น มาตรา 393 บริษัทที่ติดสินบนหน่วยงานรัฐ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจากเดิมจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับเป็น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แต่หากเป็นกรณีที่รุนแรงจะจำคุกไม่เกิน 10 ปี
การปรับกฎหมายใหม่ของประเทศจีน แสดงให้เห็นถึงความพยายามให้กฎหมายมีบทลงโทษที่ครอบคลุมและมีความรุนแรงมากขึ้นเพื่อลดปัญหาการติดสินบนภาคเอกชน หากการปรับกฎหมายของจีนครั้งนี้สามารถลดการติดสินบนได้ ในอนาคตนี่อาจจะเป็นแนวทางสำคัญที่เราสามารถถอดบทเรียนและนำมาเป็นตัวอย่างได้ แต่ตอนนี้กฎหมายเพิ่งมีการปรับใช้และเรายังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป
- ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
หัวข้อ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | ประเทศมหาอำนาจ มีแนวทางแก้ปัญหาคอร์รัปชันท้องถิ่นอย่างไร ?
ชวนศึกษารูปแบบองค์กรปกครองท้องถิ่นสหรัฐฯ หนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกที่มีทั้งการเมืองที่มั่นคง เศรษฐกิจที่เข้มแข็ง รวมทั้งมีอิทธิพลต่อโลกในหลายด้าน เช่น วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังสามารถจัดการคอร์รัปชันได้ดีเป็นอันดับที่ 24 ของโลกจากการจัดอันดับดัชนีการรับรู้การทุจริตขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | CPI ไม่ใช่ทุกคำตอบของปัญหาคอร์รัปชัน
หากเราต้องการเห็นภาพรวมการทุจริตในประเทศไทยจริง ๆ การพูดคุยหรือเก็บข้อมูลจากประชาชน อาจจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องมากกว่า ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการที่งานวิจัย เรื่อง “คอร์รัปชันในระบบราชการไทย การสำรวจทัศนคติ ประสบการณ์ของหัวหน้าครัวเรือน” ใช้ในการเก็บข้อมูลเพื่อให้เห็นภาพการคอร์รัปชันในไทย มุมมองและประสบการณ์ของประชาชน
KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | 3 มุมมองจากผู้รู้ สู่การแก้โกงจากการใช้ดุลยพินิจของรัฐ
เมื่อดุลยพินิจมากเกินไป แก้อย่างไรถึงจะเห็นผล ? ในการกำหนดนโยบายและการดำเนินกิจการต่าง ๆ ของรัฐต่างก็ต้องมีคนที่เข้ามาทำหน้าที่บริหารจัดการ โดยสามารถใช้ดุลยพินิจของตนเพื่อตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ แต่หลายครั้งการวินิจฉัยกลับไม่เป็นไปอย่างเที่ยงธรรม หรือเป็นการวินิจฉัยที่เบี่ยงเบนไปตามความพึงพอใจ อคติ หรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง จนเกิดเป็นการ “ทุจริต”