ประเมินผลการทำงานขององค์กรอิสระที่มีหน้าที่ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งสำนักงาน ป.ป.ช. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
การศึกษานี้ เพื่อประเมินผลการดําเนินการขององค์กรอิสระที่มีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
โดยมุ่งประเมินว่าเมื่อมีการปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างขององค์กร เพื่อแก้ปัญหาการแทรกแซงทางการเมืองแล้ว องค์กรเหล่านี้ สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเพราะเหตุใด โดยเน้นมิติของการเป็นอิสระจากการเมือง ทั้งในเชิงของอํานาจ และทางการเงิน ซึ่งเป็นหลักการสําคัญในการจัดตั้งองค์กรเหล่านี้ขึ้นมา
ผลการศึกษา พบว่าแม้องค์กรทั้งสามแห่งจะถูกบัญญัติด้วยรัฐธรรมนูญให้เป็นองค์กรอิสระในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน แต่องค์กรทั้งสามแห่ง ยังคงประสบกับปัญหาในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ได้เเก่ ความไม่เพียงพอของงบประมาณในการดําเนินงาน ซึ่งยังต้องพึ่งพารัฐบาลในการจัดสรรงบประมาณ และขาดความโปร่งใสในการดําเนินการ เนื่องจากมีการเปิดเผยข้อมูลผลการดําเนินงานสู่สาธารณะที่ไม่ครบถ้วน และไม่ทันการณ์
สรุปประเด็นจากงานวิจัย
- ผลการวิเคราะห์บทบาทของหน่วยงานทั้งสามแห่ง พบว่าทั้งสามหน่วยงาน มีภารกิจที่สําคัญที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นหน่วยงานหน้าด่านในการรับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ หรือพนักงานของภาครัฐปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นธรรมต่อประชาชน ซึ่งไม่จําเป็นต้องเป็นการกระทําที่ผิดกฎหมายอย่างเดียวเท่านั้น ส่งผลให้ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนได้อย่างหลากหลาย
- สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีภารกิจที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งประกอบด้วยการตรวจสอบความถูกต้องตามกระบวนการ และขั้นตอนทางงบประมาณ รวมถึงการตรวจสอบความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณด้วย (value for money audit) ซึ่งจะเป็นการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการของภาครัฐได้
- สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) เป็นหน่วยงานหลักในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน จึงมีกรอบค่อนข้างกว้างในการทำงาน กล่าวคือ ดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน รวมทั้งส่งเสริมการตระหนัก และการเรียนรู้เกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม และปัญหาของการทุจริตคอร์รัปชันด้วย
- ผลการประเมินหน่วยงานทั้งสามแห่ง พบว่าองค์กรทั้งสามแห่ง ยังคงประสบกับปัญหาในการดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านโครงสร้าง การดําเนินงาน และหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยในด้านโครงสร้าง พบว่าองค์กรทั้งสามแห่ง มีอิสระในเชิงโครงสร้างอํานาจหน้าที่ แต่ไม่มีอิสระในด้านงบประมาณ ในด้านการดําเนินงาน พบว่าขาดงบประมาณ และบุคลากรที่เพียงพอ ทำให้มีบัญชีของหน่วยงานราชการที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจํานวนมาก เเละในด้านความรับผิดชอบ พบว่ามีการรายงานเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ต่อคณะรัฐมนตรี วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร แต่ส่วนใหญ่ไม่มีผลในทางปฏิบัติ และยังพบว่ามีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะค่อนข้างน้อย ทําให้การตัดสินใจของหน่วยงานอิสระขาดความโปร่งใส
- คณะผู้วิจัย ได้จัดทำข้อเสนอแนะ ดังนี้
- ด้านโครงสร้าง ควรมีความหลากหลายของกรรมการสรรหา และกรรมการองค์กรอิสระ นอกจากนี้ ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. ควรกําหนดวงเงินงบประมาณต่อรายหัวประชากร ในกรณีของสํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ควรมีกฎหมายกําหนดให้หน่วยงานราชการต้องกันงบประมาณ เพื่อให้สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบความคุ้มค่าของโครงการที่มีมูลค่าสูงของหน่วยงานรัฐ และรัฐวิสาหกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ด้านการดําเนินงาน ควรกําหนดค่าตอบแทนของกรรมการองค์กรอิสระ ให้ไม่น้อยกว่ากรรมการของหน่วยงานที่ต้องตรวจสอบ และองค์กรอิสระควรออกระเบียบ เพื่อกําหนดค่าตอบแทนที่จูงใจต่อการดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะที่ต้องการเข้ามาทำงาน รวมทั้ง กระจายอํานาจให้สํานักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สามารถดําเนินคดี และมีอํานาจในการสั่งยับยั้งการเบิกจ่ายเงิน กรณีที่ตรวจพบการกระทําที่ส่อทุจริต
- ด้านความรับผิดชอบ ควรกําหนดระยะเวลาที่วุฒิสภา หรือฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องรับรองรายงานขององค์กรอิสระ รวมทั้งมีข้อกําหนดให้องค์กรอิสระต้องเปิดเผยรายละเอียดข้อมูลกรณีที่มีการสืบสวน สอบสวน ทั้งในอดีตและในปัจจุบันเท่าที่ไม่ขัดกับกฎหมายแก่สาธารณชนด้วย
เดือนเด่น นิคมบริรักษ์, วีรวัลย์ ไพบูลย์จิตต์อารี, ธารทิพย์ ศรีสุวรรณเกศ และธิปไตร แสละวงศ์. (2558). โครงการประเมินองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยการต่อต้านคอร์รัปชัน. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).
- เดือนเด่น นิคมบริรักษ์
- วีรวัลย์ ไพบูลย์จิตต์อารี
- ธารทิพย์ ศรีสุวรรณเกศ
- ธิปไตร แสละวงศ์
โครงการเฝ้าระวังกฎระเบียบของรัฐ (Regulatory Watch)
เฝ้าระวังการออกกฎหมายที่เป็นพระราชบัญญัติ ซึ่งมีผลกระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชนที่เกี่ยวข้องในวงกว้าง
โครงการศึกษาเรื่องการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาต โดยใช้อำนาจรัฐ
ศึกษาการตรวจสอบดุลพินิจของฝ่ายปกครองในการออกใบอนุญาต และศึกษากฎหมายต่างประเทศเพื่อเสนอแนะมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากการอนุญาตโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ
โครงการศึกษามาตรการแทรกแซงตลาดข้าวเพื่อป้องกันการทุจริต: การแสวงหาค่าตอบแทนส่วนเกินและเศรษฐศาสตร์การเมืองของโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
เพื่อประมาณการต้นทุน รายรับ การขาดทุน ต้นทุนสวัสดิการสังคมของโครงการรับจํานําข้าวเปลือก และประมาณการผลตอบแทนส่วนเกินที่ตกแก่กลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์การแสวงหาค่าเช่า และศึกษาการทุจริตของผู้ที่เกี่ยวข้อง
โครงการพัฒนากฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต
เพื่อศึกษาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 244 มาตรา 245 ประกอบมาตรา 221 เกี่ยวกับการวางระบบการร่วมมือกันทำงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดมาตรการ และวิธีการทำงานร่วมมือกันของ
องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเชิงนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล