เพื่อทำการวิเคราะห์ผลทางนโยบายสาธารณะในด้านต่าง ๆ จากมุมมองของประชาชน โดยใช้หลักธรรมาภิบาลด้านประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วม และการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน
ในอดีตนโยบายเป็นเรื่องจาก “บนลงล่าง” หรือเป็นเรื่องของผู้บริหาร ซึ่งเป็นนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงเป็นผู้กำหนดนโยบาย แต่ในปจัจุบัน ประชาชนเริ่มมีโอกาสในการนำเสนอและขับเคลื่อนประเด็นนโยบายมากขึ้น เพื่อให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้ดีขึ้น
งานวิจัยนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อทำการวิเคราะห์ผลทางนโยบายสาธารณะในด้านต่าง ๆ จากมุมมองของประชาชน โดยใช้หลักธรรมาภิบาลด้านประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วม และการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน หลังจากนั้น จึงนำมาประเมินผลกระทบของนโยบายสาธารณะอย่างเป็นระบบโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลักฐาน (Evidence – based) ของชุดโครงการวิจัยประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลของนโยบายสาธารณะไทย
สรุปประเด็นจากงานวิจัย
- ผลจากการศึกษา ชี้ว่านโยบายสาธารณะของไทย ไม่ได้ออกแบบและปรับปรุง จากข้อมูลและงานวิจัยเชิงประจักษ์ แต่สร้างขึ้นจากการดูตัวอย่าง หรืออาศัยสมมติฐานจากประสบการณ์ต่างประเทศ ประสบการณ์ของผู้วางนโยบาย และจากทฤษฎีวิชาการ ดังนั้น การวิจัยเพื่อทดสอบสมติฐานของนโยบาย และการประเมินผลนโยบาย เมื่อนโยบายได้ดำเนินการไปแล้วระยะเวลาหนึ่ง คือ 4-5 ปี จึงเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็น
- ผลจากการศึกษา ชี้ว่านโยบายสาธารณะที่ออกแบบโดยส่วนกลาง มักเป็นนโยบายเหมือนเสื้อฟรีไซส์ หรือ One Size Fits All กล่าวคือ ใช้บังคับกับองค์กรที่มีขนาดและศักยภาพต่างกัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และระดับการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่แตกต่างกัน รัฐจึงควรสร้างตัวชี้วัด เพื่อแยกท้องถิ่นเป็นกลุ่ม ๆ ตามศักยภาพ มีการให้งบประมาณที่อิสระในการบริหารตามศักยภาพ และมีระบบ Coaching สำหรับกลุ่มที่มีปัญหาคล้ายคลึงกัน
- ผลจากการศึกษา ชี้ว่าผู้วางนโยบายระดับสูง มักมุ่งเน้นการใช้เครื่องมือทางกฎหมาย และการกำหนดกฎระเบียบในการออกเเบบนโยบายสาธารณะ แต่ขาดการใช้เครื่องมือทางนโยบายอื่น ๆ เช่น ทางเศรษฐศาสตร์ และการประเมินทางสังคม แต่การกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นทำให้เกิดเครื่องมือ หรือนวัตกรรมทางสังคมมากขึ้น
- ผลจากการศึกษา ชี้ว่าการประเมินเครื่องมือทางนโยบายควรมีการประเมินหลายเครื่องมือพร้อม ๆ กัน เพื่อให้สะท้อนถึงประสิทธิภาพของแต่ละเครื่องมือ และผลจากการใช้เครื่องมือร่วมกัน ดังเช่นนโยบายควบคุมการบริโภคยาสูบ
มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด, ศิวาพร ฟองทอง,ปวีณา คำพุกกะ, ศุภศิษฐ์ สุวรรณสิน, ปิยะพงษ์ แสงแก้ว, อริยา เผ่าเครื่อง, จักรพันธ์ สุขสวัสดิ์ และอรรถพันธ์ สารวงศ์. (2560). ประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลของนโยบายสาธารณะไทย การวิจัยเพื่อเสริมสร้างนักนโยบายสาธารณะที่ดี.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.).
- มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด
- ศิวาพร ฟองทอง
- ปวีณา คำพุกกะ
- ศุภศิษฐ์ สุวรรณสิน
- ปิยะพงษ์ แสงแก้ว
- อริยา เผ่าเครื่อง
- จักรพันธ์ สุขสวัสดิ์
- อรรถพันธ์ สารวงศ์
โครงการศึกษาพรมแดนและช่องว่างความรู้เรื่องคอร์รัปชันและธรรมาภิบาล เพื่อสนับสนุนการจัดทำแผนบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ปี พ.ศ. 2566-2570
ศึกษาพัฒนาการของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและธรรมาภิบาลในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะต่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยในประเด็นคอร์รัปชัน และธรรมาภิบาลในอนาคต
โครงการวิจัยการสังเคราะห์รูปแบบ กลไกและแนวทางการปลูกฝังเจตคติและวัฒนธรรมสุจริตเพื่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ศึกษาพัฒนาการของรูปแบบ กลไก และแนวทางการปลูกฝังเจตคติ และวัฒนธรรมสุจริตที่มีผลต่อการป้องกันการทุจริตของไทย และศึกษากรณีของต่างประเทศ เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอแนะต่อไป
โครงการวิจัยการศึกษาแนวทางความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
นำเสนอแนวคิดและกิจกรรมที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานของ ป.ป.ช. ในการแก้ไขปัญหาการทุจริต และเสนอแนวทางการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันผ่านกระบวนการประสานข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โครงการประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลของนโยบายสาธารณะไทย การวิจัยเพื่อเสริมสร้างนักนโยบายสาธารณะที่ดี
เพื่อทำการวิเคราะห์ผลทางนโยบายสาธารณะในด้านต่าง ๆ จากมุมมองของประชาชน โดยใช้หลักธรรมาภิบาลด้านประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วม และการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน