คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : Red Flag สัญญาณอันตรายในการเมืองท้องถิ่น เมื่อผลงานบดบังความโปร่งใส

หลังการเลือกตั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศที่ผ่านไปไม่นาน หลายๆ จังหวัดอาจจะได้นายก อบจ. และ ส.อบจ.ทั้งหน้าเก่า หน้าใหม่ และจากบ้านใหญ่เจ้าเดิมๆ เข้ามาทำหน้าที่บริหารงบประมาณท้องถิ่นในการจัดหาบริการสาธารณประโยชน์ต่างๆ ให้กับประชาชนในท้องถิ่นในช่วง 4 ปีนับจากนี้ ในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด อบจ. จึงถือครองงบประมาณมหาศาลเพื่อจัดหาบริการสาธารณะให้ประชาชน แต่เมื่อใดที่มีเม็ดเงินมีจำนวนมาก ความเสี่ยงต่อการคอร์รัปชันก็มักจะตามมา และบ่อยครั้งที่งบประมาณเพื่อความเป็นอยู่ของประชาชน กลับไหลเข้ากระเป๋าของคนเพียงไม่กี่คน

จากการสำรวจข้อมูล 10 คดีทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง อบจ. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา (2547 – 2567) โดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 377 ล้านบาท โดยอดีตนายก อบจ. อุบลราชธานี กระทำทุจริตมากที่สุดถึง 42 คดี ขณะที่ อบจ.สงขลายังมีคดีทุจริตพัวพันกับอดีตนายก อบจ. ทั้งหมด 3 คน มากกว่าจังหวัดใดในประเทศไทย อบจ.สมุทรปราการ ทุจริตเงินอุดหนุนวัด มูลค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในการเมืองท้องถิ่นไทย คือ การที่ประชาชนมักให้ความสำคัญกับ “ผลงาน” มากกว่าประเด็นด้านธรรมาภิบาล นักการเมืองที่มีข้อครหาในอดีตหลายคนยังคงได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง อบจ. อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างผู้นำท้องถิ่นกับประชาชน ผ่านระบบอุปถัมภ์ที่หยั่งรากลึก และความเชื่อที่ว่า “คนโกงที่มีผลงานยังดีกว่าคนสุจริตที่ไร้การพัฒนา”

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกผู้แทนเข้ามาทำงานบริหารบ้านเมืองนั้นมีหลายเรื่อง ได้แก่ ประการแรก ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม เช่น โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน มากกว่าประเด็นด้านความโปร่งใส หากผู้บริหารสามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาท้องถิ่นจนเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน ประชาชนมักพร้อมที่จะมองข้ามประเด็นด้านธรรมาภิบาล หรือการคอร์รัปชันไปได้

ประการที่สอง เครือข่ายความสัมพันธ์ในท้องถิ่น หรือระบบอุปถัมภ์ มีบทบาทสำคัญ นักการเมืองท้องถิ่นมักมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในสังคม การสร้างความสัมพันธ์ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมชุมชน การให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ส่งผลให้เกิดความผูกพัน และความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณในหมู่ประชาชน นอกจากนี้ ระบบเครือข่ายที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นยังช่วยรักษาฐานเสียงให้มั่นคงแม้จะมีข่าวในแง่ลบ แต่เครือข่ายเหล่านี้มักช่วยปกป้องภาพลักษณ์และรักษาคะแนนนิยมไว้ได้

ประการสุดท้าย ในหลายพื้นที่ ตัวเลือกผู้สมัครมีจำกัด ผู้ท้าชิงหน้าใหม่มักขาดศักยภาพหรือฐานเสียงที่เข้มแข็งพอที่จะแข่งขันกับนักการเมืองที่มีเครือข่ายและฐานเสียงสั่งสมมายาวนาน ระบบการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ต้องใช้เงินทุนสูงในการหาเสียงดังนั้น จึงยิ่งเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครที่มีทุนจากธุรกิจหรือกลุ่มผลประโยชน์มากกว่า

ปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาท้องถิ่น โดยเฉพาะในด้านประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ เนื่องจากทรัพยากรที่ควรใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะอาจถูกผันไปสู่ผลประโยชน์ของคนเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดวงจรอุบาทว์ทางการเมือง เมื่อนักการเมืองที่มีพฤติกรรมไม่โปร่งใสได้รับเลือกตั้งซ้ำๆ คนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้าสู่การเมืองด้วยอุดมการณ์ที่ดี อาจถูกกีดกัน ส่งผลให้การเมืองกลายเป็นเรื่องของกลุ่มทุนและอำนาจ

การแก้ไขปัญหาการเมืองท้องถิ่นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย เริ่มจากการเพิ่มบทบาทสื่อท้องถิ่นในการให้ข้อมูลที่รอบด้านแก่ประชาชน พร้อมสนับสนุนให้มีผู้สมัครที่มีคุณภาพหลากหลายมากขึ้นที่สำคัญคือการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบการทำงานของ อบจ. อย่างใกล้ชิด ผ่านเครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัยอย่างเว็บไซต์ “ผ่างบเมือง” (localbudgeting.actai.co) ที่ช่วยให้การติดตามงบประมาณท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้

การเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เพียงสะท้อนการตัดสินใจของประชาชน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมทางการเมือง และความท้าทายในการพัฒนาประชาธิปไตยระดับท้องถิ่น ดังนั้น การสร้างความเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนทัศนคติและค่านิยมของสังคม ควบคู่ไปกับการพัฒนากลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การเมืองท้องถิ่นเป็นรากฐานที่มั่นคงของการพัฒนาประชาธิปไตยในระดับชาติต่อไป ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร หน้าเก่า บ้านใหญ่ หรือคนใหม่ สิ่งสำคัญคือประชาชนต้องร่วมกันเป็น “หูเป็นตา” ติดตามการบริหารงบประมาณท้องถิ่นตลอด 4 ปี พร้อมชู Red Flag เตือนเมื่อพบพฤติกรรมน่าสงสัย เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นี่คือหนทางสร้างการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

ปีที่แต่ง (พ.ศ.)
2568
ผู้แต่ง

นันท์วดี แดงอรุณ

หน่วยงานสนับสนุน

หัวข้อ
Related Content

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : โอกาสและความสำคัญของการกลับคืนเป็นภาคี TI Thailand

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานครได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับภูมิภาคของ Transparency International (TI) การเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดงานครั้งนี้มีนัยสำคัญ แม้ปัจจุบันไทยจะไม่มีภาคีประจำประเทศอย่างเป็นทางการ …

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : อัปเดตประชุมวิชาการโลกเรื่องคอร์รัปชัน

เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค Co-Founder บริษัท HAND Social Enterprise ได้รับเชิญไปบรรยายในงานประชุมทางวิชาการ Cambridge Economic Crime ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 40 แล้ว ซึ่งงานนี้ถือได้ว่าเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคอร์รัปชันที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง โดยผศ. ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ได้เข้าร่วมบรรยายเกี่ยวกับผลงานวิจัยเรื่องประสิทธิภาพที่แท้จริงของความโปร่งใสในการต่อต้านคอร์รัปชัน ผ่านการศึกษาผลกระทบจากโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency: CoST)

แนวหน้าต่อต้านคอร์รัปชัน : อยากแก้ปัญหาปากท้องก่อน แต่ถ้าไม่ปฏิรูปตำรวจ ก็แก้ยาก !

ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มืดเทา อาจเป็นคำนิยามวงการตำรวจไทยในปัจจุบัน ? หากเราพูดถึงวงการตำรวจ หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงเรื่องที่ตำรวจดันไปเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมกับการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นกรณีหมูเถื่อน กำนันนก ทุนจีนสีเทา หรือข่าวอาชญากรรมต่าง ๆ แทนที่จะมองว่า ตำรวจคือผู้ที่รักษาความสงบให้บ้านเมือง และคุ้มครองประชาชนให้รู้สึกปลอดภัย

You might also like...

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | โควิดเป็นเหตุ: สำรวจสถานการณ์ทุจริตที่เพิ่มขึ้นในช่วงโรคระบาด

การระบาดของโควิด-19 นำมาซึ่งวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทุกภาคส่วนทั่วโลก โดยพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นว่าการให้และเรียกรับสินบนในภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นในช่วงโควิด-19 แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ? อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลย

KRAC คัดสรร เล่างานวิจัยไทย | “รังนก” ก็โกงได้ : ตรวจสอบช่องโหว่กลไกการให้สัมปทานรังนกไทย

ส่องกลไกสัมปทาน เมื่อการทุจริตรังนกอาจทำให้งบรั่วไหล หากไม่มีกลไกการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ แล้วเราจะป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร ? โดย KRAC สรุปมาให้เเล้วจากงานวิจัยเรื่อง “กระบวนการและการตรวจสอบการให้สัมปทานรังนกในภาคใต้ของประเทศไทย” (2562)

คิดด้วยพลเมือง(See-Think-Cen’) : สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขของใครกันแน่

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขและความชุ่มฉ่ำในเทศกาลแห่งความสุขอย่างเทศกาลสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ไทย ที่เต็มไปด้วยความหมายด้านวัฒนธรรม สังคม วันที่ 13-14 เมษายน ก็ยังเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันครอบครัวไทยอีกด้วย โดยตลอดช่วงเวลานี้ของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาแห่งความอบอุ่นที่เปิดโอกาสให้ผู้คนมากมายได้เดินทางกลับบ้านกลับภูมิลำเนาเพื่อไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ไปรวมญาติที่ไม่ได้พบกันนาน หรือไปเล่นน้ำคลายร้อนกัน